‘คาราบาวกรุ๊ป’พุ่งออลไทม์ไฮ‘ซีล็อค’สุดฮอตยอดขายกระฉูด
“ไปต่อไม่รอแล้วนะ” สำหรับหุ้น บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG ของเฮีย “เสถียร เศรษฐสิทธิ์” หลังใส่เกียร์เดินหน้าทำออลไทไฮขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทะลุเลขสามหลักไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยสตอรี่วัฏจักรการเติบโตครั้งใหม่
ราคาหุ้นเมื่อวันศุกร์ (17 ก.ค.) ขึ้นมาปิดที่ 116.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท หรือ 3.10% และหากย้อนกลับไปเทียบกับราคาปิด ณ สิ้นปี 2562 ที่ 84 บาท เท่ากับว่าปีนี้ราคาหุ้น CBG ขึ้นมาแล้วเกือบ 40% สอดรับกลับผลประกอบการที่โตเด่น ไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ตุนรายได้เข้ากระเป๋าไป 4,061 ล้านบาท ทำระดับสูงสุดใหม่ สวนทางวิกฤตโควิด
โดยรายได้หลักยังคงมาจากยอดขายเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ของตัวเอง ทั้งเครื่องดื่มบำรุงกำลัง “คาราบาวแดง”, เครื่องดื่มเกลือแร่ “คาราบาว สปอร์ต” และสินค้าใหม่เครื่องดื่มวิตามินซี “วู้ดดี้ ซี+ ล็อค” รวม 3,414 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 487 ล้านบาท หรือ 16.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
หลังยอดขายในต่างประเทศโตกระฉูดถึง 30% โดยเฉพาะในกลุ่มซีแอลเอ็มวีทำนิวไฮใหม่ที่ 1,969 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากไตรมาสก่อน และ 36% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนตลาดจีนไม่น้อยหน้าแม้จะถูกพิษโควิดเล่นงาน แต่ยอดขายยังโตถึง 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนแตะ 66 ล้านบาท ช่วยชดเชยยอดขายในประเทศที่หดตัวลง 1% ไปได้
“คาราบาวแดง” ยังคงเป็นสินค้าชูโรงเบอร์ 1 โดยปัจจุบันมีมาร์เก็ตแชร์เป็นอันดับ 2 ของตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลัง หรือ คิดเป็นสัดส่วน 21.4% ขณะเดียวกันได้มีการแตกไลน์สินค้าใหม่ๆ เพื่อเพิ่มความหลากหลายเป็นตัวเลือกให้กับลูกค้า
อย่างปีก่อนนำสินค้า “คาราบาวกลิ่นกรีนแอปเปิ้ลแบบกระป๋อง” เข้ามาบุกตลาดไทย หลังประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายในสหราชอาณาจักร ส่วนก่อนหน้านั้น ปี 2559 เปิดตัวสินค้าใหม่หลายตัว ทั้งน้ำดื่ม, กาแฟปรุงสำเร็จพร้อมดื่ม, กาแฟผงทรีอินวัน โดยว่าจ้างบริษัทภายนอกเป็นผู้ผลิตภายใต้แบรนด์ “คาราบาว”
แต่ที่เรียกเสียงฮือฮาเป็นอย่างมาก คือ การร่วมทุนกับพิธีกรชื่อดัง “วู้ดดี้” วุฒิธร มิลินทจินดา เปิดตัวเครื่องดื่มวิตามีนซี “วู้ดดี้ ซี+ ล็อค” ภายใต้บริษัทร่วมทุน บริษัท เอ วู้ดดี้ ดริงค์ จำกัด ที่บริษัทถือหุ้น 85% และ วู้ดดี้ ถือหุ้น 15%
โดยเริ่มวางจำหน่ายไปเมื่อวันที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับกระแสตอบรับที่ดีมากจนผลิตไม่ทัน เพราะตอนนี้ตลาดเครื่องดื่มผสมวิตามินกำลังบูมๆ สุด ยิ่งเกิดการระบาดของโควิด-19 ก็ยิ่งทำให้ทุกคนหันมาใส่ใจดูแลรักษาสุขภาพกันมากขึ้น
เบื้องต้นตั้งเป้ายอดขาย “วู้ดดี้ ซี+ ล็อค” ปีนี้ไว้ 100 ล้านขวด หรือ คิดเป็น 1 ใน 6 ของตลาด ที่มียอดขายราว 600 ล้านขวดต่อปี โดยเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ได้ออกรสชาติใหม่รสส้มเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า และเตรียมโกอินเตอร์ส่งออกไปขายต่างประเทศในไตรมาส 3 นี้ นำร่องจากกลุ่มซีแอลเอ็มวี โดยเฉพาะกัมพูชาและเมียนมาร์ซึ่งเป็นตลาดหลักก่อน เนื่องจากผู้บริโภครู้จักคุ้นเคยในแบรนด์คาราบาวอยู่แล้ว
การเดินเกมครั้งนี้ของ CBG ถือว่าน่าสนใจ เพราะเป็นสินค้าที่กำไรดี มาร์จิ้นสูงกว่าเครื่องดื่มชูกำลังถึงเกือบ 2 เท่า และยังมีโอกาสเติบโตอีกเยอะ ด้วยการผสานจุดแข็งของทั้ง 2 เข้าด้วยกัน โดย CBG มีประสบการณ์ในตลาดเครื่องดื่มมานาน เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค เข้าใจว่าคนไทยชอบอะไรไม่ชอบอะไร ที่สำคัญมีเครือข่ายกระจายสินค้าที่แข็งแกร่ง เข้าถึงร้านค้าปลีกทั่วประเทศกว่า 1.8 แสนแห่ง
ส่วน “วู้ดดี้” เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง คนส่วนใหญ่รู้จักกันดี เป็นเจ้าของคอนเทนต์ออนไลน์ที่เข้าถึงผู้บริโภคยุคใหม่ กลายเป็นข้อได้เปรียบที่ทำให้แตกต่างจากคู่แข่งแบรนด์อื่นๆ ที่สำคัญคือการออกไปรุกต่างประเทศซึ่งถือเป็นขุมทรัพย์สำคัญ ในกลุ่มเพื่อนบ้านคงไม่ใช่งานยาก
แต่ที่ท้าทายกว่านั้น คือ ตลาดจีน ด้วยจำนวนประชากรที่มหาศาล แต่แน่นอนว่าไม่ใช่งานง่าย เพราะเจ้าถิ่นก็แรง คู่แข่งก็เยอะทั้งทางตรงทางอ้อมมากมายเต็มไปหมด โดยปัจจุบันมีสัดส่วนยอดขายสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทในจีนเพียง 3% จากรายได้ต่างประเทศทั้งหมด
ดูจากตัวเลขยังมีโอกาสให้เติบโต บริษัทให้ความสำคัญเต็มที่เห็นได้จากการที่ “เฮียเสถียร” โยนบิ๊กล็อกออกมา 22.50 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 2.1 พันล้านบาท เมื่อปลายเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ให้กับกลุ่มนักลงทุน วัตถุประสงค์หลักเพื่อนำเงินก้อนนี้ไปรุกตลาดจีน ผ่านบริษัทร่วมทุนที่จัดตั้งขึ้นในจีนร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่น “ถือว่าหมากเกมนี้น่าจับตามองยิ่งนัก”