ประชาชน 6 ชาติ 'เสื่อมศรัทธา' รัฐบาลรับมือโควิดแย่
ผลสำรวจล่าสุดใน 6 ประเทศพบว่า รัฐบาลกำลังเสื่อมความนิยมอย่างรวดเร็ว จากการรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ไม่ดีพอ สาธารณชนเชื่อกันมากว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตสูงกว่าสถิติที่ปรากฏ
วานนี้ (25 ก.ค.) บริษัทที่ปรึกษาการสื่อสาร “Kekst CNC” เผยผลการสำรวจใน 6 ประเทศ จากประชาชนประเทศละ 1,000 คน เก็บข้อมูล 5 วันเมื่อกลางเดือน ก.ค. พบว่า ในสหรัฐที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิด-19 มากที่สุดในโลก เสียงสนับสนุนรัฐบาลลดลง 4% จากกลางเดือน มิ.ย. ผู้ให้ข้อมูล 44% ตอบว่า ไม่พอใจการรับมือโควิด-19 ของรัฐบาล
ในอังกฤษ ผู้ให้ข้อมูล 1 ใน 3 เศษๆ เห็นด้วยกับการกระทำของรัฐบาล ลดลง 3% ใน 1 เดือน นอกจากนี้ยังทำการสำรวจในฝรั่งเศส สวีเดน ญี่ปุ่น และเยอรมนี
รายงานระบุว่า เดือนนี้เสียงสนับสนุนรัฐบาลในประเทศส่วนใหญ่ลดลง ยกเว้นฝรั่งเศส ที่คะแนนนิยมของรัฐบาลเพิ่มขึ้น 6% ส่งผลให้ความไม่พอใจของประชาชนอยู่ที่ 41%
ฝรั่งเศส ที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สูงเป็นอันดับ 7 ของโลก เพิ่งผ่านพ้นมาตรการล็อคดาวน์ แต่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีกในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา กระตุ้นให้รัฐบาลต้องสั่งประชาชนสวมหน้ากากในที่สาธารณะที่เป็นสถานที่ปิดทุกครั้ง
ในสวีเดนที่ใช้มาตรการล็อคดาวน์แบบบางเบาจนถูกวิพากษ์วิจารณ์ และมีตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน คะแนนนิยมในตัวนายกรัฐมนตรีร่วงลงจาก 7% เหลือ 0
ประชาชนผู้ร่วมให้ข้อมูลเชื่อเหมือนกันว่า โควิด-19 แพร่ระบาดมากและมีคนเสียชีวิตมากกว่าตัวเลขของทางการของ Kekst CNC ระบุว่า ประชาชนประเมินการแพร่ระบาดและเสียชีวิตสูงมากอย่างมีนัยสำคัญ
ในสวีเดนและอังกฤษ สาธารณชนเชื่อว่า ประชาชน 6% หรือ 7% เสียชีวิตจากโควิด-19 สูงกว่าอัตราที่รายงานกว่า 100 เท่า
ในสหรัฐ ผู้ให้ข้อมูลประเมินว่า เกือบ 1 ใน 10 ของประชากรตายเพราะโควิด มากกว่าตัวเลขจริงกว่า 200 เท่า ขณะที่ชาวเยอรมันคิดว่า ผู้เสียชีวิตและติดเชื้อสูงกว่าที่รายงาน 300 เท่า
ด้วยมุมมองเช่นนี้ “ย่อมส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมผู้บริโภคและทัศนคติในวงกว้าง ผู้นำภาคธุรกิจและรัฐบาลจำเป็นต้องใส่ใจความเห็นเหล่านี้ ในช่วงที่ต้องขับเคลื่อนเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง และปรับตัวใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับไวรัสในระยะกลางถึงระยะยาว” รายงานระบุ
ผลการสำรวจยังเผยด้วยว่า ประชาชนกลัวเรื่องการระบาดระลอก 2 มากขึ้นเรื่อยๆ จำนวนคนที่เชื่อว่าผลกระทบจากโควิดจะลากยาวเกินกว่า 1 ปี เพิ่มขึ้นมาก
“ผู้คนกำลังสิ้นหวังกับการใช้ชีวิตร่วมกับโควิดในอนาคตอันใกล้นี้ และมองหาผู้นำและภาคธุรกิจเปิดทางสำหรับการเดินไปข้างหน้า”
นอกจากนี้ ประชาชนยังให้ความสำคัญกับการจำกัดการแพร่ระบาดมากขึ้น แม้ว่าทำให้เศรษฐกิจเสียหายก็ตาม
“ในสหรัฐ 54% ต้องการให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการจำกัดการแพร่ระบาดเป็นอย่างแรก เหนือการดูแลเศรษฐกิจ”
ส่วนการสวมหน้ากากนั้นมีคนเห็นด้วยทั่วไป ยกเว้นในสวีเดนที่ประชาชนราว 15% เท่านั้น สวมหน้ากากในที่สาธารณะ
แม้แต่ในสหรัฐ ที่การคลุมหน้ากลายเป็นประเด็นทางการเมืองมากขึ้นทุกที ผู้ให้ข้อมูล 63% เห็นด้วยกับการสวมหน้ากาก
ด้านองค์การอนามัยโลก (WHO) แสดงความกังวลเมื่อวันศุกร์ (24 ก.ค.) ที่โควิดกลับมาอีกในยุโรป สองสัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมาก จึีงอาจจำเป็นต้องใช้มาตรการเข้มงวดมาคุมการระบาด
เด็กหญิงวัย 3 ขวบในเบลเยียม กลายเป็นเหยื่อโควิดอายุน้อยที่สุดในโลก ถือเป็นสัญญาณเตือนใหม่ต่อยุโรปที่เพิ่งยกเลิกมาตรการล็อคดาวน์
“การที่ผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นใหม่ในบางประเทศหลังจากผ่อนคลายมาตรการรักษาระยะห่าง เป็นสิ่งที่น่ากังวลมาก ถ้าสถานการณ์บีบบังคับอาจจำเป็นต้องใช้มาตรการที่เข้มงวดขึ้นอย่างมีเป้าหมายโดยชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างเต็มที่” WHO ภูมิภาคยุโรปแถลง
ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศสหารือกับคณะรัฐมนตรีเรื่องมาตรการควบคุมเมื่อวันศุกร์ นายกรัฐมนตรีฌ็อง กัสแตกซ์ ประกาศว่า ผู้ที่เดินทางมาจาก 16 ประเทศเสี่ยงสูงรวมทั้งสหรัฐจะต้องถูกตรวจโควิด