'เอนก เหล่าธรรมทัศน์' สั่งการ อว.ต้องเป็นคลังสมองของชาติ
'เอนก เหล่าธรรมทัศน์' รมว.อว.คนใหม่เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ โชว์วิสัยทัศน์วางทิศทางกระทรวงฯ ต้องเป็นคลังสมองของรัฐบาล ประเทศชาติและสังคม ย้ำชัดการพัฒนา 2 ด้านต้องไปด้วยกันทั้งด้านวิจัย วิทยาศาสตร์และนวัตกรรม และด้านมหาวิทยาลัย
วันนี้ (13 ส.ค.2563) เวลา 15.00 น. นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เดินทางเข้ากระทรวงเป็นวันแรกโดยได้เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง พระบรมราชานุสาวรีย์พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ศาลพระภูมิ เพื่อเป็นสิริมงคล เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ โดยมีสมาชิกพรรครวมพลังประชาชาติไทยและแกนนำ กปปส. ร่วมเดินทางมาด้วย
นายเอนกให้สัมภาษณ์ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไม่สั่งการอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่กำชับให้ตระหนักถึงความสำคัญของอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พร้อมทั้งมองว่า ทั้ง 2 อย่างต้องไปด้วยกันทั้งด้านการวิจัย วิทยาศาสตร์และนวัตกรรม ซึ่งต้องควบคู่ไปกับทางด้านของมหาวิทยาลัย เนื่องจากมหาวิทยาลัยเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเจริญก้าวหน้า ในขณะเดียวกันยังเป็นแรงผลักดันให้มหาวิทยาลัยมีทิศทางการดำเนินงาน เพื่อสังคม ประชาชน ภาคเอกชนและภาคสังคมมากขึ้น
ส่วนเรื่องการเรียกร้องของนักศึกษานั้น ไม่มีข้อกังวลและไม่มีส่วนใดที่จะต้องแก้ไข เนื่องจากเป็นเรื่องของธรรมชาติของสังคมไทย ซึ่งมีมาเป็นระยะๆ อยู่เสมอ แต่คาดว่าจะมีการปรับตัวเข้าหากันได้และจะมีทางออกทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งต้องมีการพูดคุยและประสานกันต่อไป ทั้งนี้ นายกฯ ไม่ได้สั่งการแต่อย่างใดเพียงแต่มีมุมมองที่ว่า เยาวชนเป็นพลังของสังคม ทั้งนี้ใครที่จะมีความคิดเห็นอย่างไร ทางรัฐบาลยินดีพร้อมรับฟังข้อเสนอของคนรุ่นใหม่ เชื่อว่าไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น ขณะที่คนรุ่นเก่าก็ต้องรับฟังข้อเสนอของคนรุ่นใหม่ เพราะเป็นช่วงการเปลี่ยนผ่านยุคสมัย เพียงแต่อย่าล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ และอย่าทำผิดกฎหมายไม่ว่าฝ่ายใด
"ส่วนตัวมองว่า กระทรวงนี้เป็นพลังของประเทศชาติ ทั้งในแง่ของการสอน การวิจัยและนวัตกรรม ที่สำคัญคือต้องเป็นมันสมองของรัฐบาล ประเทศชาติและสังคม เพราะรัฐบาลใส่งบประมาณไปปีละไม่ใช่น้อยเป็นเวลาหลาย 10 ปี จึงถือได้ว่ามีความรู้ งานวิจัยและนวัตกรรมพอสมควร ตอนนี้จึงจำเป็นต้องเร่งรัดนำออกมาให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศ ทุเลาปัญหาเรื่องว่างงาน และเยาวชนนิสิตนักศึกษาที่ยังไม่มีตลาดแรงงานรองรับ จึงจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน"
ในการทุเลาการว่างงานจะต้องมีการอัพสกิลรีสกิลให้แก่นิสิตนักศึกษา ทั้งที่ใกล้จะออกสู่ตลาดแรงงานและเพิ่งออกสู่ตลาดผ่านโครงการต่างๆ ฉะนั้น การพัฒนาทักษะ 1 ปีก็จะมีเงินทุนสนับสนุน อีกทั้งการเรียนจะดึงผู้เชี่ยวชาญของภาคเอกชนมาช่วยตรงจุดนี้ รวมถึงสภาธุรกิจดิจิทัลก็จะมาร่วมด้วย เพื่อฝึกอะไรอีกหลายๆ อย่างแม้กระทั่งเรื่องโดรน ที่เป็นโลกยุคใหม่ และการมองภาพอนาคต ฉะนั้น อว.ต้องเป็นกระทรวงที่ทำเพื่อเยาวชนควบคู่ไปด้วย เพื่อข้ามสู่ยุค 4.0 และ 5.0
ทางด้านโครงการ อว.สร้างงาน ที่นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีต รมว.อว.เคยทำไว้นั้น เบื้องต้นพบว่างบประมาณถูกตัดไม่มาก ส่วนเรื่องควิกวินคือจะทำอย่างไรให้นักศึกษาพร้อมที่จะเข้าสู่ตลาดแรงงาน ที่คุณภาพสูงขึ้น เทคนิคสูงขึ้น เพราะฉะนั้น จะเป็นการยกระดับนักศึกษา และเมื่อจบโครงการ 1 ปีก็จะมีทักษะและรายได้สูงกว่าปกติ เบื้องต้นจะเป็นจำนวนหลักแสนคน เพราะฉะนั้น อว.จะเป็นกระทรวงในยุคหลังโควิด และในยุคที่นักศึกษามีบทบาทต่อสังคม และเป็นอว.ในยุคที่ก้าวสู่โลกแห่งอนาคต
ภาพ:รศ.นพ.สรนิต ศิลธรรม ปลัดกระทรวง อว.ร่วมต้อนรับและแสดงความยินดี
ในเรื่องโควิดนั้นอว.ถือเป็น พลังที่สำคัญในการทำวัคซีน แล็บตรวจวินิจฉัยโรคและชุดตรวจคัดกรอง โดยมีผลงานวิจัยจำนวนมากก็จะดำเนินการต่อไป ในทางเชิงปฏิบัติอาจจะเป็นหลากหลายกระทรวง แต่ในแง่ความคิดความก้าวหน้าเป็นงานของ อว.ที่จะดำเนินการผลักดันเสริมความคิดมากขึ้น และในโอกาสต่อไปจะเห็นการแถลงผลงานความก้าวหน้า นวัตกรรม งานวิจัย และผลงานใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น
ส่วนที่มีประเด็นคำถามเรื่องการดำรงตำแหน่งอธิการบดีและผู้บริหารมหาวิทยาลัยที่เป็นบุคคลเกษียณ นายเอนก กล่าวว่า เแล้วแต่พระราชบัญญัติ บางที่ไม่มีเรื่องการเกษียณ และสามารถนำคนนอกมาดำรงตำแหน่งได้