'วิษณุ' เผย ตั้งงบ 111 ล้าน สู้คดี 'เหมืองทองอัครา' ทำได้ เป็นเรื่องปกติ
"วิษณุ" เผย ตั้งงบ 111 ล้าน สู้คดี "เหมืองทองอัครา" ทำได้ เป็นเรื่องปกติ เทียบบางคดี ใช้พันกว่าล้าน เหตุ ต้องจ้างทนายระหว่างประเทศ ส่วนจะถูกหรือแพง อยู่ที่กระทรวงที่เกี่ยวข้อง แจง ใช้ "ม.44" เพื่อประโยชน์ปชช. ชี้ ได้อย่างเสียอย่างเป็นธรรมดา
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีมีเอกสารเผยแพร่โดยระบุถึงการจัดเตรียมงบประมาณ กว่า 111 ล้านบาท เพื่อใช้สู้คดีกับบริษัทคิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด หลังจากมีคำสั่งคสช.ปิดเหมืองทองอัครา ว่า ตนไม่ทราบรายละเอียด แต่ทุกยุคทุกสมัยเมื่อรัฐบาลมีกรณีพิพาทในอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศหรือถูกฟ้องในศาลต่างประเทศ จำเป็นต้องมีการจ้างทนาย ส่วนจะถูกหรือแพงอยู่ที่กระทรวงที่รับผิดชอบ ซึ่งจะเป็นต้องจ้างทนายระหว่างประเทศโดยมีอัยการเป็นผู้ประกบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการเตรียมงบประมาณกว่า100ล้านเพื่อสู้กับคดีนี้ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็มีเสนอมา อย่างคดีวอเตอร์บราวน์ เกี่ยวกับสัญญาก่อสร้างโทลล์เวย์ก็มีการใช้งบประมาณพันกว่าล้านการที่กระทรวงอุตสาหกรรมตั้งงบประมาณส่วนนี้ สามารถทำได้ และถือเป็นเรื่องปกติ ไม่เช่นนั้นจะนำเงินที่ไหนไปสู้คดี บางทีคดีในประเทศที่บริษัทมีเงินจ้างทนาย แต่รัฐบาลให้อัยการทำคดีเมื่ออัยการมีการย้ายตำแหน่ง แต่คู่ความใช้ทนายคนเดิมก็ถือว่าเป็นปัญหา เช่นกรณีการบินไทย ที่มีปัญหากับใครต่อใคร อัยการก็ว่าความให้ฟรี แต่เมื่อการบินไทยหลุดจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ มาเป็นเอกชน อัยการก็หลุดว่าความ เราก็ต้องจ้างทนาย การบินไทยก็ต้องควักเงินออกมา รัฐไม่ควักให้ ส่วนความคืบหน้าเรื่องคิงส์เกต ก็ให้ไปถามที่กระทรวงอุตสาหกรรม
เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าที่ต้องใช้งบสู้คดีขนาดนี้เป็นเพราะการใช้อำนาจมาตรา 44 ของคสช. นายวิษณุ กล่าวว่า เราอย่าพูดถึงจุดนั้นเลยให้รู้แพ้รู้ชนะก่อนแล้วว่ากันอีกทีก็แล้วกันทั้งนี้ การที่รัฐใช้อำนาจไปเพราะต้องการปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน เมื่อได้ทางนึงก็เสียทางนึงธรรมดา หากย้อนไปดูคดีวอเตอร์บราวน์ก็ต้องการปกป้องประชาชนให้ได้ค่าผ่านทางราคาถูก แต่ไปกระทบกิจการเอกชนในเยอรมนีเขาก็ฟ้องเอาไปกี่ศาลเราก็แพ้ก็ต้องชดใช้