ชอปปิงออนไลน์จีนแผ่ว ส่งสัญญาณศก.ฟื้นช้า
ยอดสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ในเดือนส.ค.ปรับตัวลดลง เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า จีนที่ถือเป็นชาติเศรษฐกิจใหญ่สุดอันดับ2ของโลกยังคงเผชิญความท้าทายหลากหลายด้านในช่วงที่รัฐบาลปักกิ่งพยายามลดการพึ่งพาจากภายนอกคือการส่งออก และหันมากระตุ้นการบริโภคภายในประเทศแทน
การระบาดของโรคโควิด-19 ในปีนี้ช่วยหนุนยอดขายสินค้าทางออนไลน์ให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยส่วนแบ่งตลาดของยอดค้าปลีกโดยรวมเพิ่มขึ้นจากประมาณ 1 ใน 5 เมื่อปีที่แล้วเป็น 25% ในช่วงฤดูร้อนนี้ แต่ความไม่แน่นอนของรายได้และการขยายตัวของเศรษฐกิจกำลังส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน
“ยอดคนตกงานในจีนที่ยังมีจำนวนมาก ประกอบกับการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ยังไม่เต็มที่ในช่วงไตรมาส4 ทำให้การฟื้นตัวของผู้บริโภคโดยรวมยังอ่อนแรงอยู่มาก” อิโมเจน เพจ-จาร์เรตต์ นักวิเคราะห์และวิจัยจากดิ อีโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต (อีไอยู) ระบุ
อีไอยู คาดการณ์ว่า ปีนี้ตลาดงานในจีนจะเลวร้ายที่สุด นับตั้งแต่ช่วงยุค 1960 พร้อมทั้งคาดการณ์ว่า ยอดขายในอุตสาหกรรมค้าปลีกโดยรวมจะหดตัวประมาณ 4.7% โดยช่วงเดือนม.ค.-ส.ค. ยอดขายในอุตสาหกรรมค้าปลีกปรับตัวลง 8.6% จากปีก่อนหน้านี้อยู่ที่ 23.8 ล้านล้านหยวน (3.5 ล้านล้านดอลลาร์)
แต่ไออียู ก็คาดการณ์ว่า ยอดขายในอุตสาหกรรมค้าปลีกจะปรับตัวเล็กน้อยในไตรมาส 3 จากอานิสงส์นโยบายของรัฐบาลปักกิ่งที่กระตุ้นการบริโภค อาทิ การให้เงินอุดหนุนผู้บริโภคที่ต้องการซื้อรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานรูปแบบใหม่ เช่น พลังงานไฟฟ้า และพลังงานที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
“เราสังเกตเห็นแนวโน้มนี้อย่างชัดเจน และเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้าที่จะมีโรคโควิด-19 ระบาด จะเห็นว่าผู้บริโภคชาวจีนยุคใหม่ใช้จ่ายเงินในสิ่งที่จำเป็นมากขึ้นและด้วยแนวทางที่มีความรับผิดชอบมากขึ้น” เจย์ เสี่ยว ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) เล็กซินฟินเทค ซึ่งเป็นเจ้าของเฟิ่งไขว่ แพลตฟอร์มชอปปิงออนไลน์ ให้ความเห็น
ยอดขายสินค้าลดราคาและผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพของเฟิ่งไขว่เพิ่มขึ้นมากกว่ายอดขายสินค้าหรูหรา ซึ่งเจย์ คาดการณ์ว่าการบริโภคสินค้าทางออนไลน์ของจีนจะฟื้นตัวในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน ระบุว่า ยอดขายในอุตสาหกรรมค้าปลีกของจีนเพิ่มขึ้นปีต่อปีเฉลี่ยอยู่ที่ 0.5% ในเดือนส.ค. ถือเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2563 ส่วนใหญ่มาจากยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น 11.8% ส่วนยอดขายสินค้าอุปโภค-บริโภคในเดือนส.ค. หดตัว 0.6%
ขณะที่บทวิเคราะห์ของเว็บไซต์ซีเอ็นบีซี เผยข้อมูลอย่างเป็นทางการว่า ยอดขายสินค้าเพื่อผู้บริโภคและบริการทางออนไลน์ในจีนขยายตัว 13.3% ในเดือนส.ค. ชะลอตัวลงกว่าเดือนก.ค. ที่ขยายตัว 18.8% และลดลงจาก 19% ในเดือนมิ.ย.
“การสูญเสียตำแหน่งงาน การมีรายได้ลดลง และการแบกรับรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นอาจจะเป็นจุดอ่อนบั่นทอนความต้องการภายในประเทศ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะทำให้ความพยายามกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาลปักกิ่ง ไม่เป็นไปตามที่วางแผนไว้” บรูซ ผาง หัวหน้าแผนกวิจัยเชิงกลุยุทธ์และเศรษฐกิจมหภาคจากไชนา เรอเนซองซ์ ให้ความเห็น
แต่เมื่อพิจารณาในระยะยาวแล้ว บริษัทข้ามชาติและบริษัทสัญชาติจีนยังคงมองเห็นโอกาสการเติบโตในตลาดจีนที่มีผู้บริโภคชนชั้นกลางจำนวนมากที่สุดในโลก โดยการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา เปิดโอกาสให้บรรดายักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซ อย่างอาลีบาบา และเจดีดอทคอม มีบทบาทอย่างมากในตลาดค้าปลีกออนไลน์ของโลกในขณะนี้ และขณะที่ตลาดชอปปิงออนไลน์โตไม่หยุด ผู้เล่นหน้าใหม่ๆ ก็พลอยได้อานิสงส์ไปด้วย
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว “ไคว่โฉ่ว” แพลตฟอร์มไลฟ์สดและวิดีโอสั้น รูปแบบเดียวกับแอพฯติ๊กต็อก เปิดเผยว่าคำสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ในเดือนส.ค.มีจำนวนถึง 500 ล้านคำสั่งซื้อพร้อมทั้งอ้างว่า บริษัทอยู่ในอันดับ 4 ตามหลังแพลตฟอร์ม “ทีมอลล์” และ “เถาเป่า” ของอาลีบาบาและพินตัวตัวของเจดีดอทคอม
ทุกวันนี้ มีประชาชนมากขึ้นใช้วีแชท เครื่องมือส่งข้อความยอดนิยมของจีน ในการสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ ล่าสุด เทนเซ็นต์เปิดเผยว่า ฟีเจอร์โปรแกรมขนาดเล็กของวีแชท มีผู้ใช้งานจริงในแต่ละวันจำนวนกว่า 400 ล้านราย และปริมาณการสั่งซื้อสินค้าสุทธิ (จีเอ็มวี) ประเภทผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าในช่วงเดือนม.ค.-ส.ค. เมื่อเทียบกับปีก่อน
ขณะที่รายงานผลประกอบการประจำปีของเทนเซนต์ ระบุว่า ปริมาณการทำธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับการซื้อสินค้าออนไลน์ของบริษัทตลอดทั้งปี 2562 มีมูลค่า 800,000 ล้านหยวน