ทบ.ปูนบำเหน็จ 7ขั้น เลื่อนยศ 'สิบเอก' พลทหารเสียชีวิตเหตุลอบวางระเบิด

ผบ.ทบ.ห่วงกำลังพลที่ได้รับผลกระทบจากเหตุลอบวางระเบิดที่สงขลา ย้ำดูแลสิทธิและครอบครัวให้ดีที่สุด

เมื่อวันที่ 2 ก.ย. พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกอวทัพบก เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดเหตุลอบวางระเบิดขณะเคลื่อนย้ายเพื่อสับเปลี่ยนกำลังที่ อ.เทพา จ.สงขลา เมื่อ 1 ต.ค.63 ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีกำลังพลเสียชีวิต 1 นาย และได้รับบาดเจ็บ 6 นาย นั้น พล.อ. ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก มีความห่วงใยต่อกำลังพลที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้สั่งการให้ พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 บริหารจัดการสถานการณ์และดูแลด้านสิทธิกำลังพล การรักษาพยาบาล และการจัดการพิธีศพอย่างสมเกียรติ เน้นย้ำให้ดูแลครอบครัวของผู้เสียชีวิตอย่างดีที่สุด อำนวยความสะดวกและประสานงานทั้งปวงที่เกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บให้มีความเรียบร้อย

สำหรับกำลังพลที่เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ คือ พลทหาร อรรถพล พลายชนะ สังกัด
กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 เข้าประจำการเมื่อ 1 พ.ย.62 ซึ่งในวันนี้กองทัพภาคที่ 4ได้จัดพิธีรดน้ำศพ ณ จ.ปัตตานี และได้เคลื่อนศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่ภูมิลำเนาที่ วัดเขาต่อ อ.ปลายพญา จ.กระบี่ โดยมีกำหนดพิธีสวดอภิธรรมศพระหว่างวันที่ 3 - 7 ต.ค.63 เวลา 19.00 น. และพิธีพระราชทานเพลิงศพ ในวันที่ 8 ต.ค.63 เวลา 15.00 น.

ทั้งนี้ พลทหาร อรรถพล พลายชนะ จะได้รับการปูนบำเหน็จเลื่อนขั้นเงินเดือนกรณีพิเศษ 7 ขั้น และขอรับพระราชทานเลื่อนยศสูงขึ้นเป็น “สิบเอก” นอกจากนี้จะได้รับสิทธิตามระเบียบของทางราชการ อาทิ เงินช่วยเหลือ ค่าจัดการศพ ค่าทดแทน สินไหมภัยสงครามจากโครงการประกันชีวิตกองทัพบก โดยเบื้องต้นจะได้รับเงินช่วยเหลือประมาณ 2 ล้านบาทเศษ และได้รับการพิจารณาบรรจุทายาททดแทน หากครอบครัวมีความประสงค์ สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บขณะนี้รับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลค่ายอิงคยุทธบริหาร 5 นาย และโรงพยาบาลปัตตานี 1นาย โดยทั้งหมดอาการปลอดภัย ซึ่ง แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจ และมอบเงินสวัสดิการให้ตามสิทธิ์แล้วในวันนี้

อย่างไรก็ตาม กองทัพบกขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของ พลทหาร อรรถพล พลายชนะ ที่ได้สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก และเป็นทหารกองประจำการที่ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างทุ่มเทและเสียสละจนวาระสุดท้าย ส่วนกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บก็จะได้รับการดูแลเยียวยา ให้สามารถกลับมาปฏิบัติหน้าที่ได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด