‘ซีพีเอฟ’งบแจ่ม! กำไรนิวไฮ-ราคาหมูไก่ฟื้น
เข้าสู่ฤดูประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนประจำไตรมาส 3 ปี 2563 แม้ในภาพรวมยังดูไม่ค่อยสดใสจากผลกระทบของวิกฤตโควิด-19 แต่เชื่อว่าในหลายธุรกิจน่าจะเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น จุดต่ำสุดได้ผ่านไปแล้วในไตรมาสที่ผ่านมา
สอดรับกับภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว กำลังซื้อเริ่มกระเตื้อง ประชาชนเริ่มกลับมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น จากการอัดฉีดเม็ดเงินของภาครัฐผ่านมาตารการต่างๆ เพื่อหวังกระตุ้นการบริโภคในประเทศ
หากสแกนเลือกหุ้นลงทุนรับธีมงบฯ สวย มีอยู่หลายตัวที่น่าสนใจ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF เป็นหนึ่งในนั้น หลังการระบาดของโควิด-19 ในประเทศเริ่มคลี่คลาย หนุนการบริโภคเนื้อหมูเนื้อไก่เร่งตัวขึ้นจากที่หดตัวแรงในช่วงเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ออเดอร์จากกลุ่มร้านอาหาร โรงแรม ที่พัก เข้ามามากขึ้นหลังกลับมาเปิดกิจการ ในฝั่งตลาดส่งออกมีสัญญาณที่ดีขึ้นเช่นกัน
ส่วนราคาขายยังทรงตัวในระดับสูง โดยบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า ราคาหมูในประเทศในไตรมาส 3 ปี 2563 เฉลี่ยอยู่ที่ 80 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 14.3% จากไตรมาสก่อน และ 21.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ ราคาไก่ในประเทศเฉลี่ยอยู่ที่ 33.7 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 6.9% จากไตรมาสก่อน แต่ลดลง 7.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ด้านราคาหมูในเวียดนามยังน่าพอใจเฉลี่ยที่ประมาณ 80,000 ดองต่อกิโลกรัม ปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.6% จากไตรมาสก่อน และ 123.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ช่วยหนุนผลประกอบการเร่งตัวขึ้น
แม้ในฝั่งต้นทุนการเลี้ยงสัตว์จะถูกกดดันจากราคากากถั่วเหลืองที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่โชคดีที่บริษัทได้มีการสั่งซื้อกากถั่วเหลืองล่วงหน้าไว้แล้วไปจนถึงไตรมาส 1 ปี 2564 ประกอบกับในอาหารสัตว์ใช้กากถั่วเหลืองเป็นส่วนผสมไม่มากราวๆ 1 ใน 4 เท่านั้น ผลกระทบจึงค่อนข้างจำกัด
จากแนวโน้มธุรกิจที่ยังแข็งแกร่งจึงทำให้บรรดากูรูออกมาเชียร์ “ซื้อ” หุ้น CPF กันแทบทุกโบรกฯ โดยมองในทิศทางเดียวกันว่าผลประกอบการครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวจากครึ่งปีแรก กำไรไตรมาส 3 มีโอกาสทำระดับสูงสุดใหม่อีกครั้งตามกำลังซื้อและการบริโภคที่ฟื้นตัว
ส่วนในไตรมาส 4 มีแนวโน้มชะลอตัวลงจากช่วงไตรมาส 3 จากปัจจัยฤดูกาล เนื่องจากกำลังเข้าสู่เทศกาลกินใจที่จะเริ่มตั้งแต่วันนี้ 16 ต.ค. ไปจนถึง 25 ต.ค. 2563 กดดันราคาเนื้อหมูเนื้อไก่ปรับตัวลดลงในช่วงสั้นๆ
แต่การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL คาดว่าจะเร่งตัวขึ้นในไตรมาสสุดท้าย จากยอดขายอาหารเจและอานิสงส์จากการอัดฉีดมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อของรัฐ
หากดูในแง่ราคาหุ้น CPF ดิ่งแรงเกือบ 20% ในรอบ 1 เดือนครึ่ง จากสิ้นเดือน ส.ค. ที่ 32.25 บาท มาปิดการซื้อขายวานนี้ที่ 26 บาท ถือว่าน่าสนใจเพราะลงมาเยอะเมื่อเทียบกับเพื่อนๆ ในกลุ่ม และ SET Index ที่ลงมาแค่ 5% เท่านั้น
นอกจากนี้ ยังมีอัพไซด์ส่วนเพิ่มจากการเข้าไปลงทุนธุรกิจหมูในประเทศจีนเพื่อต่อยอดธุรกิจอาหารสัตว์ที่มีอยู่แล้ว และการเข้าซื้อกิจการ “เทสโก้ โลตัส” ในไทยและมาเลเซีย ซึ่งในส่วนของประเทศไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.)
ด้านบล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุว่า ได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายหุ้น CPF เป็น 38.50 บาท จากเดิมที่ 35.00 บาท โดยคาดว่ากำไรสุทธิงวดไตรมาส 3 ปี 2563 จะอยู่ที่ 6.9 พันล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์เพิ่มขึ้น 15% จากไตรมาสก่อน และ 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ หากไม่รวมรายการกำไรจากสินทรัพย์ชีวภาพประมาณ 950 ล้านบาท บริษัทจะมีกำไรปกติ 6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% จากไตรมาสก่อน และ 108% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับอานิสงส์จากธุรกิจหมูและไก่ในประเทศที่ฟื้นตัว เช่นเดียวกับธุรกิจหมูในเวียดนามยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง
ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบกากถั่วเหลืองที่ปรับสูงขึ้นในปัจจุบัน ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อบริษัทมาก เพราะได้ทำสัญญาซื้อกากถั่วเหลืองล่วงหน้าไปถึงต้นปี 2564 แล้ว รวมถึงมีการใช้วัตถุดิบอื่นทดแทน