สธ.เร่งสอบสวนโรคพบโควิด-19ทหารเกาหลีใต้กลับจากไทย
สธ.เร่งประสานเกาหลีใต้ ขอรายละเอียดหลังตรวจพบโควิด-19ในทหารกลับจากไทย ตั้ง 3 ข้อสันนิษฐานการติดเชื้อ ย้ำจะไม่มีการแพร่ไปยังผู้อื่น-ส่วนใหญ่อยู่แต่ในที่ประชุม แจ้ง 8 ชาติร่วมฝึก
เมื่อวันที่ 11 พ.ย.ที่กระทรวงสาธารณสุข พญ.วลัยรัตน์ ไชยฟู ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) แถลงข่าวกรณีทหารมาฝึกการประชุมวางแผนขั้นสุดท้าย การฝึกผสมคอบร้าโกลว์ 21 ที่อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เดินกลับประเทศเกาหลีใต้แล้วตรวจพบโรคโควิด-19 ว่า เรื่องนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นการติดเชื้อในเมืองไทยหรือเป็นการติดเชื้อมาก่อนหน้านี้ สันนิษฐาน 3 ข้อ 1. อาจจะติดเชื้อจากประเทศเกาหลี 2. การติดเชื้อจากสถานที่กักตัว และ 3. ติดระหว่างร่วมประชุม ขณะนี้รอข้อมูลจากทางเกาหลีใต้เพิ่มเติม รวมถึงสอบสวนสถานที่ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
ทั้งนี้ สธ.ได้รับแจ้งจากสถานเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ประจำประเทศไทยเมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่ามีนายทหารที่เข้ามาฝึกการวางแผนขั้นสุดท้าย การฝึกคอบร้าโกลด์ที่ประเทศไทยระหว่างวันที่ 3-5 พ.ย. เมื่อกลับเกาหลีใต้ได้รับการตรวจที่สนามบินอินชอนพบว่า 1 ราย ติดเชื้อโรคโควิด-19 แต่ไม่ได้แจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับปริมาณเชื้อ หรืออาการ ทางการไทยจึงอยู่ระหว่างประสานขอข้อมูลเพื่อนำมาสอบสวนโรคเพิ่มเติม ส่วนเพื่อนทหารชาวเกาหลีที่เดินทางมาด้วยกันและนอนร่วมห้องผลตรวจเป็นลบ
จากการสอบสวนเบื้องต้น การฝึกคอบร้าโกลด์วันที่ 3 -5 พ.ย.แบ่งการฝึกเป็นกลุ่มๆละ 40 คน จำนวน 5 กลุ่ม มีนายทหารไทยและต่างชาติเข้าร่วมทั้งหมด 202 นาย แบ่งเป็น สหรัฐอเมริกา 12 นาย เกาหลี 5 นาย อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย อย่างละ 2 นาย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น จีน และอินเดียประเทศละ 1 นาย ที่เหลือ 177 นายเป็นทหารไทย โดยการประชุมครั้งนี้จัดขึ้นที่โรงแรมแห่งหนึ่งในอ.บ้านฉาง จ.ระยอง นอกจากการประชุมแล้วยังมีการรับประทานอาหารกลางวันและอาหารเย็นร่วมกันทั้หงมดแบบบุฟเฟ่ต์ ส่วนที่พักจะมีการนอนด้วยกันห้องละ 2 นาย อย่างไรก็ตาม นายทหารต่างชาติทุกนายที่เข้ามาผ่านระบบควบคุมป้องกันโรคของไทยทุกคน ทั้งการตรวจหาเชื้อก่อนเดินทาง เข้ามากักตัว 14 วัน มีการตรวจหาเชื้อแล้ว 2 ครั้ง ผลพบว่าทหารที่มาทุกรายไม่มีเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใด
สำหรับนายทหารเกาหลีที่ติดโควิดนั้น ก่อนเข้ามาไทยตรวจไม่พบโควิด-19 เมื่อเข้ามาในประเทศไทยวันที่ 17 ต.ค. ถึงสนามบินมีรถของโรงแรมที่เป็นสถานที่กักตัวมารับ และเข้าพักที่โรงแรมตั้งแต่ 17 ต.ค.-1 พ.ย. มีการตรวจหาเชื้อ 2 ครั้งคือวันที่ 22 และ 29 ต.ค. ผลออกมาไม่พบเชื้อ หลังกักตัวครบ14 วัน ได้เข้าพักที่โรงแรมอีกแห่งหนึ่ง ย่านสุขุมวิท และรับประทานอาหารโดยสวมหน้ากากอนามัย และเว้นระยะห่าง แล้วกลับไปพักที่โรงแรม 1 คืน วันที่ 2 พ.ย. มีรถตู้รับจ้างของสถานทูตไปรับที่โรงแรมที่อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นสถานที่จัดประชุมด้วย 3-5 พ.ย. แล้วไม่ได้ออกไปไหนอีกเลย กระทั่งวันที่ 6 พ.ย.มีรถรับจ้างของสถานทูตมารับไปส่งโรงแรมที่สุขุมวิท ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าใช่โรงแรมเดิมหรือไม่ หลังจากนั้นวันที่ 8 พ.ย. ได้โดยสารรถตู้ของสถานทูตเพื่อไปยังสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อเดินทางกลับประเทศเกาหลี
พญ.วลัยรัตน์ กล่าวอีกว่า สรุปภาพรวม ทหารทุกนายที่เข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้ มีการปฏิบัติตามขั้นตอนการเข้าประเทศไทย มีการกักตัวมีการตรวจหาเชื้อและผลไม่พบเชื้อ หลังออกจากสถานที่กักกันสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ ฉะนั้นเพื่อไม่ให้เกิดความตระหนกและสร้างความเข้าใจให้กับพี่น้องในจังหวัดที่เกี่ยวข้องขอให้สบายใจได้ จะไม่มีการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น และส่วนใหญ่ก็อยู่แต่ในที่ประชุม
ตอนนี้มีทีมปฏิบัติการสอบสวนควบคุมโรคทั้งส่วนกลางและภูมิภาค ร่วมกับสำนักอนามัยของกรุงเทพฯ ได้ออกไปทำการสอบสวนทั้งโรงแรมที่พัก โรงแรมที่จัดประชุม อยู่ระหว่างขอรูปแบบการจัดประชุมดังกล่าวและข้อมูลอื่นๆ มาประกอบเพื่อจำแนกกลุ่มเสี่ยงสูง เสี่ยงต่ำ อย่างไรก็ตาม การที่อยู่ห้องประชุมร่วมกันนานกว่า 15 นาที ถือว่ามีความเสี่ยงสูง ในส่วนของทหารไทยที่เข้าร่วมการฝึกนั้นได้กักตัวและตรวจหาเชื้อทั้งหมดอยู่ระหว่างรอผล ส่วนนายทหารต่างชาติจะประสานผ่านกฎอนามัยระหว่างประเทศเพื่อแจ้งไปยังประเทศต้นทาง