“ซีพีเอฟ”รุกช่วยสภาพคล่องรายย่อย

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีเอฟ ตระหนักถึงปัญหาที่ผู้ประกอบการขนาดย่อม หรือ SMEs ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของภาคอุตสาหกรรมส่งออกไทย ประสบปัญหากับยอดขายและขาดสภาพคล่องทางการเงิน เป็นความเสี่ยงให้เกิดการดำเนินธุรกิจหยุดชะงัก และบางรายรุนแรงถึงขั้นปิดกิจการ ส่งผลกระทบต่อลูกจ้างต้องถูกลอยแพ ซึ่งผลกระทบลูกโซ่กับระบบเศรษฐกิจในภาพรวม 

จึงได้ร่วมมือกับภาครัฐ ดำเนินโครงการ Faster Payment โดยให้บริษัทลูก ร้านค้า และแบรนด์สินค้าในกลุ่มของซีพีเอฟ ช่วยเหลือคู่ค้า SMEs และบุคคลธรรมดา ทั้ง CP CP Freshmart ห้าดาว เชสเตอร์ ดัค กาลบี้ CP-HyLai เป็นต้น รวมประมาณ 6 พันราย ได้รับเงินภายใน 30 วันทันทีนับจากวันที่ได้ตรวจรับสินค้าหรือบริการ โดยบริษัทฯ ได้เริ่มโครงการฯ ในเดือนต.ค.เป็นเดือนแรก สามารถช่วยปลดล็อคสภาพคล่องในการบริหารการเงินให้คู่ค้า SMEs ของซีพีเอฟไปแล้วกว่า 2,330 ราย และเชื่อมั่นว่า โครงการเครดิตเทอม 30 วันจะช่วยสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเร็วขึ้น นับว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยไปข้างหน้าได้

"บริษัทฯ มั่นใจว่า เครดิตเทอมที่สั้นลงและมีระยะเวลาแน่นอน จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้คู่ค้า SMEs และคู่ค้าที่เป็นรายบุคคล มีกระแสเงินสดใช้หมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนมั่นใจที่วางแผนขยายงาน สร้างการเติบโตต่อเนื่องได้"

ขณะเดียวกันจากการสอบถามความเห็นคู่ค้า SMEs ของซีพีเอฟทั้งหมดพึงพอใจกับเครดิตเทอมที่สั้นลงเป็นอย่างมาก ผู้ประกอบการได้รับประโยชน์สามารถดำเนินงานส่งมอบงานที่มีประสิทธิภาพ และต้องการให้ซีพีเอฟดำเนินโครงการนี้ต่อไปอีก ปัจจุบัน ซีพีเอฟมีคู่ค้าที่เป็นผู้ประกอบการขนาดย่อม SMEs ที่มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท และเป็นรายบุคคลรวมประมาณ 6 พันราย ส่วนใหญ่เป็นซัพพลายเออร์ด้านวัตถุดิบ เครื่องปรุง บรรจุภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ต่างๆ เป็นต้น

สำหรับ เครดิตเทอมที่สั้นลงของภาคเอกชนขนาดใหญ่ ความร่วมแรงร่วมใจขององค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ที่จะช่วยพยุงให้ผู้ประกอบการ SMEs ไทย และผู้ที่เกี่ยวข้องรวมกว่า 10 ล้านคนได้รับประโยชน์ สามารถดำเนินธุรกิจสร้างการเติบโตไปด้วยกัน เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ภาคเอกชนจะช่วยเสริมภาครัฐสร้างความแข็งแกร่งให้กับภาคเศรษฐกิจโดยรวม