'ชวน' เคาะโครงสร้างสมานฉันท์ 21 คน ดึงม็อบร่วม 2 คน
'ชวน' เคาะโครงสร้างสมานฉันท์ 21 คน ดึงม็อบร่วม 2 คน รับ ไม่หวังผลเลิศแต่ขอเป็นจุดเริ่มต้นแก้ปัญหา
ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา พร้อมด้วยพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา , นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน , นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปฝ่ายรัฐบาล แถลงภายหลังการหารือร่วม 3 ฝ่าย ในการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบองค์ประกอบของกรรมการให้มีกรรมการทั้งสิ้น 21 คน ดังนี้
1. ผู้แทนฝ่ายผู้ชุมนุม 2 คน ( กลุ่มเรียกร้องเห็นต่างกับรัฐบาล )
2. ผู้แทนรัฐบาล 2 คน
3. ผู้แทน ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล 2 คน
4. ผู้แทน ส.ส.ฝ่ายค้าน 2 คน
5. ผู้แทนสมาชิกวุฒิสภา 2 คน
6. ผู้แทนฝ่ายที่มีความเห็นอื่น 2 คน ( กลุ่มเรียกร้องเห็นด้วยกับรัฐบาล )
7. ผู้ทรงคุณวุฒิ
สำหรับผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วย 1.บุคคลซึ่งที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยเสนอชื่อ 3 คน โดยคำนึงถึงตัวแทนให้ครอบคลุมถึงภูมิภาคต่างๆ 2.บุคคลซึ่งที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเสนอ 1 คน 3.บุคคลซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลเสนอ 1 คน 4.ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์ในการทำงานด้านการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ 4 คน รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นเลขานุการ เจ้าหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 4 คน เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
นายชวน กล่าวว่า คณะกรรมการมีหน้าที่ศึกษารูปแบบการสร้างความปรองดอง โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ครบองค์ประกอบทั้งหมด 21 คน หลังจากนี้ให้ฝ่ายเลขาจะแจ้งให้แต่ละฝ่ายได้รับทราบ เพื่อส่งผู้แทนเข้าร่วมการประชุมกรรมการสมานฉันท์เพื่อเริ่มเดินหน้าทำงานได้ทันที ส่วนประธานกรรมการสมานฉันท์ขึ้นอยู่กับที่ประชุมกรรมการสมานฉันท์พิจารณาจากกรรมการสมานฉันท์ด้วยกันเอง ส่วนจะมีภาระหน้าที่และรูปแบบการพิจาณาแก้ไขปัญหาอย่างไรนั้นเห็นว่าให้กรรมการมีการประชุมปรึกษาหารือกันก่อน
ประธานรัฐสภา กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบปะรับฟังความเห็นประชาชนในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ประชาชนต่างก็เห็นด้วยหากกรรมการสมานฉันท์หากสามารถทำให้บ้านเมืองเป็นไปอย่างสงบ แต่ต้องยอมรับว่าความขัดแย้งและความเห็นต่างเป็นเรื่องธรรมดา แต่บางเรื่องมันป้องกันได้เพราะฝ่ายการเมืองยังเราๆรู้ดีว่าบางเรื่องมันเกิดขึ้นเพราะอะไร ซึ่งมันสามารถป้องกันได้โดยการสร้างเงื่อนไขไม่ให้มันเกิดขึ้นมาอีก แต่ก็ต้องยอมรับว่าในอนาคตเราไม่รู้ว่าความขัดแย้งจะเป็นเรื่องอะไร แต่เรารู้ปัญหาในอดีตเราก็ต้องป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก เพื่อลดปัญหาในอนาคต ส่วนปัญหาในอนาคตมันมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเราไม่มีทางรับรู้ได้เหมือนเทคโนโลยีโลกโซเชียลมีเดียยุคใหม่แม้จะมีคุณค่ามากมาย แต่ก็มีโทษอย่างร้ายแรงหากใช้ไม่ในทางที่ผิด แต่หากใช้ในทางปรองดองก็จะทำให้เกิดความเข้าใจ และหากใช้ไปในทางที่ผิดก็จะทำให้เกิดความขัดแย้งเช่นกัน ซึ่งเรื่องแบบนี้ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้โดยตรงจะเข้ามามีส่วนร่วม
ผู้สื่อข่าวถามว่า คาดหวังกับกรรมการสมานฉันท์ชุดนี้ไว้อย่างไรบ้าง นายชวน กล่าวว่าได้แจ้งต่อที่ประชุมวิปทั้ง 3 ฝ่ายแล้วว่าไม่ได้เล็งผลเลิศ ว่าจะต้องเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนทันทีทันใด แต่หวังว่าการได้มีช่องทางได้พูดคุยกันในปัญหาที่เกิดขึ้น ส่วนหาก ผู้ร่วมชุมนุมไม่เข้าร่วมเป็นกรรมการ นายชวน ยืนยันว่าไม่ปัญหา แต่รัฐสภายังต้องทำหน้าที่ไปตามภารกิจต่อไป หากไม่เข้าร่วมก็ทำหน้าที่ไปเท่าที่มีอยู่ไปก่อน แต่พยายามจะให้มีทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วม และต้องให้เวลาแต่ละฝ่ายในการตัดสินใจ
อย่างไรก็ตามกรรมการชุดนี้เป็นกรรมการชุดแรกจากทั้งหมด 2 ชุด ซึ่งชุดที่ 2 เป็นกรรมการสัดส่วนผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหมด โดยมอบหมายให้สถาบันพระปกเกล้าพิจารณา ซึ่งในรูปแบบที่ 2 นี้ได้มีการหารือกับผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง อดีตนายกรัฐมนตรีแล้ว ทุกฝ่ายให้ความเห็นในทางที่เป็นบวก และสนับสนุนให้เดินหน้าแก้ไขปัญหานี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไปเชิญแต่ท่านมาร่วมเป็นกรรมการ ซึ่งสัดส่วนกรรมการหลังจากนี้จะเป็นใครนั้นจะมีการหารือกันอีกครั้งกับองค์กรภาคส่วนต่างๆ
ด้าน นายสุทิน คลังแสง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ยืนยันว่า กรรมการสมานฉันท์ชุดนี้พอมีความหวังอยู่บ้านที่จะแก้ไขปัญหาสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มีการเชิญตัวแทนทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมโดยเฉพาะฝ่ายผู้ชุมนุมและคนที่คิดต่างกับฝ่ายผู้ชุมนุม ซึ่งในอดีตโครงสร้างกรรมการปรองดองจะไม่มีส่วนนี้ ซึ่งหลังจากนี้เชื่อว่าผู้ชุมนุมคงจะได้มีการพิจารณาอีกครั้งว่าจะเข้าร่วมหรือไม่ แต่ก็อยากให้ฟังดูก่อน เช่นเดียวกับฝ่ายค้านที่หลังจากนี้จะมีการหารือกันว่าจะส่งตัวแทนเข้าร่วมหรือไม่ แต่อย่างน้อยๆวันนี้ฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และ ส.ว.ได้ร่วมวางกรอบ สำหรับหน้าที่ของกรรมการชุดนี้จะเน้นไปที่การศึกษาในปัญหาต่างๆเพื่อเสนอแนะเป็นแนวทางให้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทั้งหมดไปพิจารณาแก้ปัญหา ทั้งปัญหาเฉพาะหน้าและป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นในอนาคต