สธ.เผยจ.เชียงรายพบติดโควิด-19 เพิ่ม 1 ราย
สธ.เผยพบเพิ่มผู้ติดโควิด-19 จ.เชียงราย 1 ราย หญิงไทย อายุ 25 ปี ลักลอบกลับจากเมียนมา ย้ำติดเชื้อจากต่างประเทศ ยังไม่พบแพร่เชื้อต่อในไทย
เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวความคืบหน้าการติดโควิค- 19 ที่จ.เชียงใหม่และเชียงรายว่า มีการรายงานตรวจพบผู้ติดโควิด-19 ในพื้นที่จ.เชียงรายเพิ่ม 1 ราย รวมตรวจพบในพื้นที่จ.เชียงใหม่ 1 ราย และจ. เชียงราย 3 ราย เป็น 4 ราย เป็นผู้ที่หลบหนีเข้ามาจากฝั่งเมียนมาทั้งหมด ซึ่งมีความผิดตามกฎหมาย ทั้งนี้ ถ้ามีการลักลอบเข้ามาแล้วไม่ผ่านระบบกักตัว อาจจะทำให้เกิดการแพร่เชื้อในประเทศได้ เพราะสถานการณ์ของโรคในประเทศต่างๆยังมีการระบาด จึงขอย้ำให้ประชาชนคนไทยที่จะกลับเข้าประเทศให้เข้าตามระบบที่ถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม 4 รายที่ตรวจพบติดเชื้อนี้ ระบบมีการตรวจจับได้อย่างรวดเร็วและควบคุมกลุ่มเสี่ยงสูงและเสียงต่ำได้อยู่ในระดับดีและผลที่ออกมาก็น่าจะให้ผลดีถือว่าเป็นระยะที่ยังควบคุมได้
0ไทม์ไลน์หญิง 25 ปี
ด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการสอบสวนโรคเบื้องต้นในรายที่ตรวจพบล่าสุด เป็นหญิงไทย อายุ 25 ปี โดยเมื่อวันที่ 24 พ.ย.2563เดินทางจากเมืองท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ลักลอบเข้าประเทศไทยมาตามช่องทางธรรมชาติ พร้อมเพื่อน 2 คน ที่อ.แม่สาย มีการสวมหน้ากากตลอด วันที่ 24 -27 พ.ย.เข้าพักที่โรงแรมในอ.แม่สายไม่ได้ออกจากห้องพักไปไหนและมีการสั่งอาหารจาก Grab วันที่ 28-30 พ.ย. ย้ายมาพักที่โรงแรมในอ.เมืองเชียงราย มีการประสานเจ้าหน้าที่ขอเข้ารับการตรวจ และวันที่ 30 พ.ย.เข้าไปรับการกักตัวในสถานที่ที่รัฐจัดให้ได้ทำการตรวจโควิด ผลเป็นบวกและส่งมารักษาที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ส่วนผู้สัมผัสรายนี้มีเพียงเพื่อนที่เข้ามาด้วยกัน 2 คนที่เสี่ยงสูง ตรวจแล้วไม่พบเชื้อแต่ยังต้องเฝ้าระวังต่อไปอย่างใกล้ชิดส่วนคนอื่นๆถือว่าเป็นคนเสียงต่ำ ส่วนความคืบหน้าที่เกี่ยวกับ 2 รายที่จ.เชียงรายก่อนหน้านี้ที่มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงรวม 4 รายพบเชื้อ 1 ไม่พบเชื้อ 1 และรอผลตรวจ 2 ราย ขณะที่จ.เชียงใหม่ ผลตรวจผู้สัมผํสเสี่ยงสูงไม่พบเชื้อ 89 ราย จากทั้งหมด 112 ราย
0 ยังไม่พบแพร่เชื้อต่อในประเทศ
นพ.โสภณ กล่าวด้วยว่า กรณีที่เชียงราย ผู้ป่วยมีอาการน้อย เข้ารักษาในรพ.เร็ว จึงค่อนข้างปลอดภัย แม้จะเป็นการตรวจพบในระยะแรกทำให้เจอปริมาณเชื้อในระบบทางเดินหายใจค่อนข้างสูง แต่ผู้ติดเชื้อมีการสวมหน้ากากและการอยู่ในที่พัก หลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการแพร่เชื้ต่อ ต่างจากกรณีที่เชียงใหม่ที่ไปในที่ชุมชนหลายแห่ง แต่เมื่อพิจารณาถึงการดำเนินงานของหน่วยงานในพื้นที่ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ระบบสาธารณสุขสามารถติดตามค้นหาผู้สัมผัสได้อย่างรวดเร็วนำมาสู่การตรวจวินิจฉัย ร้านค้าผู้ประกอบการให้ความร่วมมือดีในการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมป้องกันโรค ทั้งการสวมหน้ากาก ล้างมือ และเว้นระยะห่าง ฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายปกครองมีการตรวจตราและป้องปรามการเข้าเมืองผิดกฎหมายมากขึ้น ประชาชนในพื้นที่ก็มีความตระหนักมีการสวมหน้ากากอนามัยที่มากขึ้นจาก 50% เป็น80% ดังนั้น สถานการณ์จึงเป็นแบบ การตรวจพบเชื้อเป็นการติดมาจากต่างประเทศ ยังไม่พบการแพร่เชื้อต่อให้คนในประเทศ