คลอดมาตรการเชิงรุก ตรวจเข้มแรงงานต่างด้าว
‘จับกัง1’คลอดมาตรการเชิงรุกเพิ่ม สั่งตั้งชุดเฉพาะกิจปูพรมจัดรถโมบายเข้าตรวจแรงงานในสถานประกอบการ พร้อมหามาตรการช่วยผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุสุดวิสัยโควิด – 19 ตรวจต่างด้าวในโรงงาน เร่งเยียวยาผู้กระทบโควิด -19
จากการประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กรมประมง กรุงเทพมหานคร ผู้แทนภาคเอกชน ผู้แทนทางการเมียนมา เพื่อวางมาตรการเชิงรุกเพิ่มเติมสำหรับแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19ในกลุ่มแรงงานทั้งแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าว
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (รมว.แรงงาน) กล่าวว่ารัฐบาล มีความห่วงใยพี่น้องแรงงานและประชาชนทุกคนได้มีการสั่งการและดำเนินการตามมาตรการมาอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของกระทรวงแรงงาน ได้สั่งการให้กรมการจัดหางานและกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และหน่วยงานในสังกัดในพื้นที่ตั้งชุดเฉพาะกิจที่จะร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อออกตรวจแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายทั้งในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมทั้งให้สำนักงานประกันสังคมร่วมมือกับสถานพยาบาลในเครือข่ายประกันสังคมในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อบูรณาการทำงานเชิงรุกเพื่อจัดรถโมบาย ตู้ตรวจโรคไปตั้งยังสถานประกอบการให้ลูกจ้างที่เข้าข่ายกลุ่มเสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อได้เข้ารับการตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด 19 เพื่อให้ทราบผลภายใน 3-4 ชั่วโมง
หากตรวจพบเชื้อก็จะต้องเข้าสู่กระบวนการควบคุมดูแลรักษาตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด มาตรการดังกล่าวกระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม ได้เสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการการแพทย์ ในบอร์ดประกันสังคม เพื่อดำเนินการตรวจโควิด 19ให้แก่ลูกจ้างในสถานประกอบการในเชิงรุกโดยลูกจ้างไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการตรวจ
ทั้งนี้ สำหรับมาตรการเยียวยาสำหรับกลุ่มแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 กระทรวงแรงงาน สำนักงานประกันสังคม ได้นำเรื่องการพิจารณาประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยเข้าสู่การประชุมคณะกรรมการประกันสังคมและที่ปรึกษา เพื่อขอความเห็นชอบคณะกรรมการประกันสังคมมีมติเห็นชอบและให้สำนักงานประกันสังคมดำเนินการยกร่างกฎกระทรวงการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัย
อันเกิดจากการระบาดของโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ พ.ศ. .... แก้ไขนิยาม“เหตุสุดวิสัย” หมายความรวมถึง ภัยอันเกิดจากการระบาดของโรคติดต่ออันตราย ตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อซึ่งมีผลกระทบต่อสาธารณชน และถึงขนาดที่ผู้ประกันตนไม่สามารถทำงานได้หรือนายจ้างไม่สามารถประกอบกิจการได้ตามปกติ
ในกรณีมีเหตุสุดวิสัย และรัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐสั่งปิดพื้นที่เพื่อป้องกันการระบาดเป็นผลกระทบให้ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนไม่ได้ทำงานและไม่ได้รับค่าจ้างในระหว่างนั้น ให้ลูกจ้างดังกล่าวซึ่งไม่ได้รับค่าจ้าง มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน ในอัตราร้อยละ50 ของค่าจ้างรายวันโดยให้ได้รับตลอดระยะเวลาที่รัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐสั่งปิดพื้นที่
ทั้งนี้ ภายในระยะเวลาหนึ่งปีปฏิทินมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยทุกครั้งรวมกันไม่เกิน 90 วัน ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 19ธันวาคม พ.ศ. 2563เป็นต้นไป ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมจะได้นำเรื่องขอความเห็นชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป