เปิดเช็ค'สกุลธร' สั่งจ่ายเช่าที่สำนักทรัพย์สินฯ กมธ.กฎหมาย เรียกตร.-อัยการ แจงปมไม่สั่งฟ้อง
กมธ.กฎหมาย เรียกตร.-อัยการ แจงปมไม่สั่งฟ้อง'สกุลธร' อัยการอ้างหลักฐานไม่ชัดรู้เห็นกระทำความผิด ด้าน "วัชระ" อดีตส.ส.ปชป. โชว์หลักฐานเช็ค3ใบสั่งจ่ายเช่าที่ ข้องใจ'สกุลธรไม่รู้เห็น'
การประชุมกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐเป้นประธาน ที่ประชุมได้พิจารณาวาระในการพิจารณาข้อเท็จจริงกรณีอัยการสั่งไม่ฟ้องประเด็นการได้สิทธิเช่าที่ดินสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ของนายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทเรียล แอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด น้องของนายธนาธร จึงรุ่นเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ที่มีการให้เงินจำนวน 20 ล้านบาทกับเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เพื่อแลกกับการได้สิทธิเช่าที่ดินดังกล่าว
ทั้งนี้ที่ประชุมได้เชิฐผู้แทนจากสำนักงานอัยการ ผู้แทนจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และผู้แทนจากกองบังคับการปราบปรามเข้าชี้แจง
โดยนายสิระ ได้สอบถามไปยังผู้ชี้แจงว่า คดีนี้มีการดำเนินคดีกับผู้เรียกรับเงิน คือเจ้าหน้าที่ของสำนักงานทรัพย์สินฯกับนายหน้าเพียง 2 รายเท่านั้น แต่ไม่ดำเนินคดีกับได้นายสกุลธร เนื่องจากประชาชนสงสัยว่าคดีนี้มีการดำเนินคดีกับผู้รับแต่ไม่ดำเนินคดีกับผู้ให้
โดยนายวีรพล โมระกรานต์ อัยการพิเศษฝ่ายสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ชี้แจงว่าคดีนี้ได้แยกดำเนินคดีกรณีของนายสกุลธรออกมาเป็นอีกคดีหนึ่ง ทำให้ในสำนวนของพนักงานสอบสวนที่ส่งมาสำนวนแรกยังไม่ชื่อของนายสกุลธรเป็นผู้ต้องหา จึงไม่ฟ้องดำเนินคดีกับนายสกุลธร
"อัยการก็ไม่มีอำนาจไปก้าวล่วงให้ทางตำรวจต้องดำเนินคดีกับนายสกุลธร แต่ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำเรื่องมาข้อเท็จจริงก็ชัดว่า นายสกุลธร มีส่วนร่วมในกรณีนี้เพียงแต่ตำรวจยังไม่ดำเนินสอบสวนและตั้งเป็นผู้ต้องหา ทำให้อัยการได้แต่รอว่าพนักงานสอบสวนจะส่งสำนวนคดีของนายสกุลธรมาเมื่อไหร่เพื่อจะได้พิจารณาว่านายสกุลธรผิดหรือไม่"
ด้านนายประเสริฐ จรัญรัตนศรี อัยการผู้เชี่ยวชาญ ชี้แจงว่า กรณีขอนายนายสกุลธร ในฐานะผู้ให้เงินนั้น จากสำนวนมีพยานไม่ชัดเจนว่านายสกุลธร ให้เงินโดยรู้อยู่แล้วว่าจะมีการกระทำความผิด เพราะทั้ง2 ฝ่ายมีการประสานงานกันอย่างเปิดเผยไม่ได้ติดต่อกันทางลับ แต่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ของสำนักงานทรัพย์สินฯซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่ 1 กลับไม่ได้เปิดเผยชัดเจนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดการทรัพย์สินของสำนักงานทรัพย์สินฯจึงเป็นการหลอกลวงของผู้ต้องหาที่ 1 คดีนี้นี้จึงเป็นเรื่องก้ำกึ่งว่านายสกุลธร รู้เห็นกระบวนการทั้งหมดหรือไม่
นายสิระ ถามต่อว่า การที่นายหน้าฝ่ายนายสกุลธร ซึ่งมาเป็นพยานและอ้างว่าไม่ทราบกระบวนการขอเช่าที่นั้น ฟังไม่ขึ้น ทั้งที่อาชีพนายหน้าต้องรู้ว่าการจะได้ที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินฯมาต้องผ่านการประมูล
จึงตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดอัยการไม่มีเหตุสงสัยในประเด็นนี้เข้าข่ายเป็นการช่วยเหลือกันหรือไม่ ไม่เช่นนั้นเท่ากับว่าใครพูดอะไรก็เชื่อหมดหากเป็นการให้ข้อมูลเท็จจะเป็นอย่างไร แม้ว่าศาลต้องพิจารณาตามสำนวนที่ส่งมา แต่เมื่อต้นนำมันสกปรก อัยการซึ่งอยู่กลางน้ำกลับไม่ทำเรื่องที่มาแบบสกปรกให้มันขาวขึ้น บางคดีสอบจนมัดแน่นถึงจะสั่งฟ้อง แต่คดีนี้รู้องค์ประกอบทุกอย่างแต่กลับไม่สอบ ส่วนตัวเชื่อว่าคดีนี้มีความผิดปกติแน่นอน
ขณะที่ นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้ร้อง ตั้งข้อสังเกตถึงการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในคดีนี้ที่มีการทำคดีมาตั้ง วันที่ 20 เม.ย. 2562 และกลับไม่มีความคืบหน้าใดๆ จึงเรียกร้องให้พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผู้บังคับการกองปราบปรามปราบราม ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีนี้ เร่งดำเนินการตามกฎหมาย เพราะมีหลักฐานการสั่งจ่ายสินบน ระบุชื่อของนายสกุลธรเอง อย่างชัดเจน
นายวัชระ แถลงเพิ่มเติมว่า ในข้อเท็จจริง มีคำพิพากษาจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ระบุถึง นายสกุลธร มีความพยายามติดสินบน จำเลยทั้ง2ราย ที่เป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินฯและนายหน้าค้าที่ดิน จำนวน 3งวด โดยในการชี้แจงครั้งนี้ตัวแทนฝั่งอัยการร่วมชี้แจงถึง เช็คที่มีการสั่งจ่ายให้จำเลย โดยเช็คใบแรก ลงวันที่6มี.ค.2560 สั่งจ่ายในนามบริษัทเรียลแอสเสทฯ จากธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเพชรบุรีตัดใหม่ เลขที่ 043-304-4665 สั่งจ่ายไปถึงนายสุรกิจ ตั้งวิทูวนิช จำเลยในคดี จำนวน5ล้านบาท
เช็คใบที่สอง เมื่อวันที่27ก.ย.2560 จากธนาคารกรุงเทพ ในนามนายสกุลธร จำนวน5ล้านบาท ไปถึงจำเลยในคดี และเช็คใบที่สาม สั่งจ่ายในนามนายสกุลธร จากธนาคารกรุงเทพ เมื่อวันที่ 21ธ.ค.2560 จำนวน 10ล้านบาท ถึงจำเลยในคดี รวมเช็ค3ฉบับ จำนวนเงิน 20 ล้านบาท
ดังนั้นนายสกุลธร จึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย แต่จนถึงปัจจุบัน ตำรวจก็ยังไม่มีความเห็นทางคดีแต่อย่างใด ทั้งที่มีหลักฐานปรากฏเป็นเช็คที่ถูกสั่งจ่ายในนามบริษัทเรียลแอสเสทฯ ซึ่งมี นายสกุลธร เป็นประธานฯ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ขณะเกิดเหตุก็เป็น กรรมการบริษัทดังกล่าว
“ขอเรียกร้องให้ พล.ต.ต.สุวัฒน์ ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายต่อนายสกุลธร และบริษัทเรียล แอสเสทฯ ที่ติดสินบนเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 500ล้านบาท แต่แบ่งจ่ายก่อน3งวด จำนวน20ล้านบาท และขอให้เพิ่มผู้ต้องหาในคดีนอกจากนายสกุลธรแล้ว ให้มี บริษัทเรียลแอสเสทฯ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เพราะขณะเกิดเหตุต่างเป็นถือหุ้นและเป็นกรรมการบริษัทดังกล่าวเช่นกัน”นายวัชระกล่าว