SCGP ตั้งเป้ายอดขายปีนี้นิวไฮ ทะลุแสนล.
“เอสซีจีพี” คาดยอดขายปีนี้นิวไฮทะลุแสนล้าน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอยู่ที่ 9.2 หมื่นล้าน พร้อมปันผล 0.45 บาทต่อหุ้น กำหนดจ่าย 22 เม.ย. พร้อมทุ่ม 2 หมื่นล้านบาท ซื้อกิจการ -เพิ่มประสิทธิภาพผลิต
นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP กล่าวว่า ปี 2564 คาดยอดขายปีนี้จะทะลุ 1 แสนล้านบาท ซึ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวโฮ) เนื่องจาก รับรู้รายได้จากการควบรวมกิจการทั้ง Sovi และ Go-pak ที่จะรับรู้เต็มปีในปีนี้ ราว 5,000 ล้านบาท
รวมถึง ยอดขายสินค้าอุปโภคบริโภค บรรจุภัณฑ์ที่คาดเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นส่วนหนุนให้ยอดขายเติบโตในระดับที่ตั้งไว้ โดยปี 2563 บริษัทมียอดขายอยู่ที่ 92,786 ล้านบาท เพิ่มขึ้น4% จากปีก่อนหน้าและมีกำไรสุทธิที่ 6,457 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23%
สำหรับปี 2564 บริษัทตั้งงบลงทุนอยู่ที่ 20,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่ใช้ 10,000 ล้านบาท เพื่อใช้ควบรวมกิจการ การขยายธุรกิจบริษัทในด้านบรรจุภัณฑ์ปลายน้ำในภูมิภาคอาเซียนต่อเนื่อง รวมถึงขยายกำลังผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ ในประเทศอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ และโครงการขยายบรรจุภัณฑ์โพลิเมอร์ในไทยที่จะแล้วเสร็จ และเริ่มผลิตได้ภายในปีนี้
หลักๆ เป็นการลงทุนขยายกิจการในอาเซียน ส่วนนอกอาเซียนขึ้นอยู่กับโอกาส และความน่าสนใจของธุรกิจ หากธุรกิจมีโอกาสเติบโตบริษัทก็พร้อมศึกษาในการลงทุนในอนาคต
ปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนยอดขายแบ่งเป็นมาจากในไทย 52% อินโดนีเซีย 14% เวียดนาม 11% ฟิลิปปินส์ 3% มาเลเซีย 2% และประเทศอื่นๆ 18% ซึ่งบริษัทคาดว่าในอนาคตจากการขยายธุรกิจในอาเซียนต่อเนื่อง จะทำให้สัดส่วนการรับรู้รายได้ยอดขายในต่างประเทศมากกว่าประเทศไทยในที่สุด
ทั้งนี้ หากดูสัดส่วนหนี้สินต่อทุนบริษัท ถือว่าอยู่ในระดับต่ำมาก โดย D/E อยู่ที่ระดับ 0.6 เท่า ซึ่งทำให้บริษัทมีศักยภาพในการขยายธุรกิจได้อีกค่อนข้างมาก จากเงินที่มาจากการระดมทุนจากการขยาย IPO หรือหากจะต้องกู้เงินก็เชื่อว่ามีศักยภาพในการกู้อีกมาก
ทั้งนี้คณะกรรมการบริษัท (บอร์ด)ได้มีมติ อนุมัติการจ่ายเงินปันผล ของผลการดำเนินงานปี 2563 ในอัตราหุ้นละ 0.45 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 1,932 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 30% ของกำไรสุทธิ โดยจะกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ พฤหัสบดีที่ 8 เม.ย. โดยจะกำหนดการจ่ายเงินปันผลใน วันพฤหัสบดีที่ 22 เม.ย.2564
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)เพื่อเสนอขายหุ้นกู้อีก 5.5 พันล้านบาท ในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้านี้ เพื่อนำเงินไปชำระหุ้นกู้เดิม ของธนาคารไทยพาณิชย์ ที่จะครบกำหนดปีนี้ โดยหุ้นกู้มีอายุอยู่ที่ 3 ปี 8 เดือน