‘นิ่มเอ็กซ์เพรส’สู้ศึกส่งด่วน ปรับราคาใหม่-ลุยโคลด์เชน
“นิ่มเอ็กซ์เพรส” รับมือตลาดขนส่งแข่งเดือด ปรับโครงสร้างราคาค่าขนส่งใหม่ พร้อมรุก “โคลด์เชน” เล็งต่อยอดขยายบริการสินค้าดูแลพิเศษ “เครื่องดนตรี-งานศิลปะ” ดันรายได้ปีนี้ทะลุ 1.5 พันล้าน
ทั้งนี้ แม้ธุรกิจอีคอมเมิร์ชจะเติบโตแบบก้าวกระโดด แต่บริษัทคนไทยซึ่งไม่มีเงินทุนสนับสนุนจากต่างประเทศ ทำให้ไม่สามารถลงไปแข่งขันได้เต็มที่ในสงครามราคาที่เกิดขึ้น โดยเน้นตั้งราคามาตรฐาน เป็นธรรม ซึ่งค่อนข้างต่ำที่สุดในตลาด เทียบคู่แข่งที่หั่นราคาจนต่ำกว่าต้นทุนจริง และการตั้งราคาของคู่แข่งรายใหม่ส่วนใหญ่ใช้ในการโปรโมทช่วงการจัดส่ง 2-3 วัน
“นิ่มเอ็กซ์เพรสเป็นบริษัทคนไทยจึงเน้นการเติบโตด้วยผลกำไรของเราเองด้วยเงินทุนที่มีอยู่ และธุรกิจนี้มีการเปรียบเทียบราคาของลูกค้าตลอดเวลา โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ต้องปรับให้ตรงกับความต้องการ และรับมือการแข่งขันในธุรกิจขนส่งสินค้าด่วนที่มีการตัดราคากันอย่างรุนแรง ผู้เล่นหน้าใหม่ต้องการมาร์เก็ตแชร์โดยไม่ได้คำนึงถึงกลไกต้นทุน เหมือนแข่งกันขาดทุน มีหลายบริษัทขาดทุนระดับหลายร้อยล้านบาท แต่มีเงินทุนสนับสนุนจากต่างประเทศจึงอยู่รอดได้ เมื่อคู่แข่งล้มตายไปก็ต้องกลับมาขึ้นราคาในที่สุด”
ในปีนี้ยังมุ่งขยายตลาดรถขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิ (Cold Chain) โดยใช้ความได้เปรียบของบริการจัดส่งทั่วประเทศเหนือคู่แข่งที่มีอยู่ในตลาดแต่ยังให้บริการได้ไม่ครอบคลุมพื้นที่ โดยนิ่ม เอ็กซ์เพรส ตั้งเป้าหมายก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดนี้ ซึ่งปัจจุบันมีรถควบคุมอุณหภูมิให้บริการจัดส่งทั่วประเทศแบบ Next Day และสามารถเรียกเข้ารับพัสดุถึงบ้าน (Door To Door) เลือกส่งได้ทั้งแบบแช่เย็น (Chill) แช่แข็ง (Freeze) วางกลยุทธ์ราคาโดยคิดค่าบริการในรูปแบบเดียวกันแบบเหมาจ่าย กล่าวคือ “คิดราคารวมต่อบิล” เมื่อส่งไปยังจุดหมายเดียวกันไม่ว่าจะส่งกี่กล่อง ค่าบริการเริ่มต้น 100 บาท
ปัจจุบัน นิ่มเอ็กซ์เพรส มีศักยภาพในการส่งพัสดุไม่ต่ำกว่า 2 แสนชิ้นต่อวัน อนาคตอันใกล้เตรียมให้บริการขนส่งสินค้าที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เช่น เครื่องดนตรี งานศิลปะ ไปจนถึงสิ่งมีชีวิต นอกเหนือจากจัดส่งสินค้าพัสดุทั่วไป ที่ผ่านมายังให้บริการขนส่งสินค้าที่ต้องการการติดตั้ง เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องออกกำลังกาย เป็นต้น
ปีนี้ นิ่มเอ็กซ์เพรส ตั้งเป้าหมายรายได้ 1,500 ล้านบาท จากปีก่อนเติบโต 23% มีรายได้ 1,160 ล้านบาท เป็นผลมาจากการขยายธุรกิจครอบคลุมการขนส่งที่หลากหลาย และครอบคลุมพื้นที่การขนส่งทั่วประเทศ ใช้บริการผ่าน DC, Shop และ Drop Point รวมทั้งไลน์ @nimexpress และ แอพพลิเคชั่น NiMExpress ทั้งสามารถสะสมคะแนนเพื่อใช้แลกรางวัล ใช้ในการติดตามสถานะสินค้า ขณะนี้มีสมาชิกกว่า 60,000 ราย นอกจากนี้เตรียมทำโปรเจคส่งเสริมการบริโภคสินค้าคนไทยที่ผลิตในประเทศไทย (Made in Thailand)