หมอกควัน 'เชียงใหม่' วันนี้อันดับ 3 ของโลก ชาวบ้านยังแอบเผาป่าไม่สนใจคำสั่งห้าม

หมอกควัน 'เชียงใหม่' วันนี้อันดับ 3 ของโลก ชาวบ้านยังแอบเผาป่าไม่สนใจคำสั่งห้าม

ตรวจสอบหมอกควัน "เชียงใหม่" วันนี้อยู่อันดับ 3 ของโลก ชาวบ้านยังแอบเผาป่าไม่สนใจคำสั่งห้ามเผา ยอดผู้ป่วยพุ่ง

เช้าวันนี้เวลา 08.00 น. (10 มี.ค.) เว็บไซต์ Air Visual จัดอันดับคุณภาพอากาศของจังหวัดเชียงใหม่ สภาพอากาศแย่เป็นอันดับที่ 3 ของโลก ลดลงจากเมื่อวานที่อยู่อันดับ 1 มา 3 วันติด โดยวัดค่าดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 202 US AQI เท่ากับวานนี้ แต่การจัดอันดับนั้นที่หล่นไปอยู่อันดับ 3 เนื่องจาก ดัชนีคุณภาพอากาศของเมืองลอฮอร์ ประเทศปากีสถานได้พุ่งสูงขึ้นอยู่ที่ 502 US AQI

ส่วนบรรยากาศในตัวเมืองเชียงใหม่ ยังถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันท้องฟ้าสีกลายเป็นสีเทา ซึ่งภาพมุมสูงจากโดรนที่บันทึกภาพอยู่บริเวณสี่แยกข่วงสิงห์ ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ จะเนนได้ว่าภาพจากมุมสูงจะเห็นหมอกควันจำนวนมากปกคลุมพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่  และหากมอง จากในตัวเมือง ขึ้นไปยังดอยสุเทพ ไม่สามารถมองเห็นดอยสุเทพได้เพราะถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันไฟป่า โดยตลอดรอบคุมเมืองเชียงใหม่ ทางเจ้าหน้าที่จากงานป้องกันและบรรเท่าสาธารณภัยเทศบาลนครเชียงใหม่ ได้นำรถน้ำดับเพลิงมาฉีดน้ำ เพื่อเพิ่มความชุ่มชิ้นภายในอากาศบริเวณรอบคูเมืองเชียงใหม่


ด้าน ศูนย์บัญชาการป้องกันแก้ไข ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จังหวัดเชียงใหม่  ได้รายงานผลการตรวจวัด ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในจังหวัดเชียงใหม่เช้าวันนี้ ที่สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ ต.ช้างเผือก ต.ศรีภภูมิ อ.เมืองเชียงใหม่ วัดค่า Pm 2.5 ได้ 102 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ในระดับสีแดงมีผลกระทบต่อสุขภาพ ส่วนสถานีตรวจวัด ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ วัดค่า Pm2.5 ได้ 83 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ในระดับสีส้ม  ส่วนสถานีตรวจวัด ต.ช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ วัดค่า Pm2.5 ได้ 105 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ในระดับสีแดงมีผลกระทบต่อสุขภาพเช่นกัน


ทั้งนี้ ศูนย์บัญชาการป้องกันแก้ไข ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับรายงาน การเข้าดับไฟป่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่มาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากชาวบ้านในพื้นที่อำเภอรอบนอกยังมีการลักลอบเข้าป่าล่าสัตว์และหาของป่าพร้อมกับลักลอบจุดไฟเผาป่ากันอย่างต่อเนื่องทำให้เจ้าหน้าที่เสือไฟต้องทำงาน ดับไฟป่าทั้งวันทั้งคืน ล่าสุด เจ้าหน้าที่สํานักอนุรักษ์ที่ 16 จังหวัดเชียงใหม่ และคณะเจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่านันทบุรี อำเภออมก๋อยจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับ ทหาร ตำรวจ อบต.แม่ตื่น หน่วย ชม.24 (แม่ตื่น)​ อมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ เข้าไปดำเนินการตรวจสอบและดับไฟป่าในท้องที่ตำบลแม่ตื่น และประสานกำนัน ผู้ใหญ่บ้านตำบลยางเปียงร่วมดำเนินการตรวจสอบควบคุมไฟป่า ทั้งหมด จำนวน 28จุด  สภาพเป็นป่าเต็งรัง และป่าเบ็ญจพรรณ ไม่พบผู้หนึ่งผู้ใดที่บริเวนดังกล่าว คาดว่าเป็นการหาของป่า มีพื้นที่ป่าเสียหายหลายสิบไร่ ส่วนสถานีควบคุมไฟป่าห้วยฮ่องไคร้-ขุนแม่กวง (คณะทำงานชุดที่ 12) สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) นำกำลังเข้าดับไฟป่า บริเวณ ทิศเหนือ กม.30 ถ.ชม.-ชร. (พื้นที่ป่าโครงการพัฒนาพื้นที่ป่าขุนแม่กวงฯ) ท้องที่บ้านแม่หวาน ม.3 ตำบลป่าเมี่ยง  อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ และพื้นที่ป่าเสียหายประมาณ 4 ไร่ สาเหตุ ล่าสัตว์  ชนิดป่า ป่าเต็งรัง


ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ฯ(บ้านออน)อุทยานแห่งชาติศรีลานนา) เข้าดับไฟป่า บริเวณป่าขุนห้วยแม่ป๋อยแห้ง ท้องที่บ้านห้วยลึก ม.7 ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่พื้นที่เสียหาย  รวม 25 ไร่สาเหตุ หาของป่า ชนิดป่า เต็งรังพื้นที่ป่าอนุรักษ์ อุทยานแห่งชาติศรีลานนา

อย่างไรก็ตาม  เว็บไซต์สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ รายงานว่า จำนวนผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 – 5 มีนาคม 2564 พบผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลรัฐ ประกอบด้วยกลุ่มโรคทางเดินหายใจ กลุ่มโรคหัวใจ หลอดเลือด และสมองอุดตันขาดเลือด กลุ่มโรคตาอักเสบ และกลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ โดยในเดือนมกราคม มีจำนวนผู้ป่วย 22,554 คน เดือนกุมภาพันธ์ 9,084 คน และเดือนมีนาคม ณ วันที่ 5 มีนาคม 150 คน โดยมีผู้ป่วยรวมทั้งสิ้น 31,788 คน