เวทีประชุมภูเก็ต ชงแนวคิด ‘Phuket Tourism Sandbox’ เลื่อนรับ นทท.ต่างชาติไม่กักตัว 1 ก.ค. 64
เวทีประชุมหารือที่ภูเก็ต ชงเลื่อนเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่กักตัวเป็น 1 ก.ค. 64 ภายใต้แนวคิด "Phuket Tourism Sandbox" จากเดิมเปิดรับ 1 ต.ค. ต้องฉีดวัคซีนทั้งสองฝ่าย
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานการประชุมหารือเพื่อหาแนวทางการเตรียมการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศของจังหวัดภูเก็ต โดยมีนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต, นายเรวัต อารีรอบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต, นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต, นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ตลอดจนส่วนราชการและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ที่โรงแรมเดอะซเลท อ.ถลาง จ.ภูเก็ต
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การลงพื้นที่ภูเก็ตนั้น ด้วยบัญชาของนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อหารือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตถึงมาตรการในการฟื้นฟูจังหวัดภูเก็ต โดยเฉพาะการเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติซึ่งรัฐบาลพร้อมสนับสนุนในการให้ภูเก็ตเป็นต้นแบบ เพื่อจะได้นำไปใช้ในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป เพราะการท่องเที่ยวเป็นส่วนสำคัญในการสร้างรายได้ และภูเก็ตก็ถือว่าความพร้อมส่วนข้อเสนอที่รับมานั้นโดยเฉพาะเรื่องของวัคซีนที่ทางจังหวัดภูเก็ตของให้รัฐบาลสนับสนุนนั้นก็คงต้องไปอธิบายถึงเหตุผลความจำเป็นที่จะต้องนำมาใช้เพื่อให้สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ ซึ่งทั้งหมดจะนำไปเสนอต่อที่ประชุม ศบศ.เพื่อพิจารณาต่อไป
นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ภาคเอกชนภูเก็ตได้ประกาศยุทธศาสตร์ Phuket first October คือ การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ โดยไม่ต้องกักตัว และล่าสุดจากการประชุมร่วมกับ ศบค.ชุดเล็ก และ ททท.ซึ่งเสนอยุทธศาสตร์ Phuket Tourism Sandbox โดยมีโจทย์หลัก คือ ประชากรในจังหวัดภูเก็ตจะต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อย 70% และต่างชาติที่เดินทางเข้ามาไม่ต้องกักตัว พร้อมทั้งจะต้องสื่อสารให้ตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศได้รับทราบโดยเร็ว เพราะจากการประชุมร่วมกับทัวร์โอเปอเรเตอร์ของยุโรปได้ระบุว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเข้ามาก็ต่อเมื่อไม่มีการกักตัว หรือควอรันทีน และจากการสำรวจยังพบว่า 48% ของนักท่องเที่ยวสแกนดิเนเวียต้องการมาภูเก็ต รองลงมาเป็น กระบี่ เขาหลัก เกาะสมุย เกาะพงัน และเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี โดยกว่าครึ่งต้องการมาเที่ยวชายหาด และประเด็นสำคัญ คือ 68% จะไม่มาหากมีการกักตัวไม่ว่าจะกี่วันก็ตามและมีประมาณ 26% ที่ยินยอมกักตัว 10-14 วัน ดังนั้นอยู่ที่เราจะเลือกกลุ่มไหน
“จากเดิมที่กำหนดไทม์ไลน์ว่า จะเปิดรับนักท่องเที่ยวโดยไม่ต้องกักตัวในวันที่ 1 ตุลาคม แต่หากเราทำได้เร็วกว่านั้นจะเป็นเรื่องที่ดีกว่าเพราะมีประเด็นเรื่องการแข่งขันหากช้าออกไปก็จะทำให้เสียโอกาส และการจะเรียกคืนก็ค่อนข้างทำได้ยาก จึงมีการเสนอแนวคิด Phuket Tourism Sandbox โดยจะต้องมีการฉีดวัคซีนทั้ง 2 ฝั่ง ซึ่งในส่วนของภูเก็ตมีประชากรตามทะเบียนราษฎร 417,000 คน"
"เมื่อหักผู้ที่ไม่ต้องรับวัคซีนออกไป เมื่อรวมกับกลุ่มที่ไม่ได้ย้ายทะเบียนเข้ามา และแรงงานต่างด้าวที่ขึ้นทะเบียน จะมีเป้าหมายในการรับวัคซีนประมาณ 466,000 คน หรือประมาณ 933,174 โดส หากทำได้จะสร้างความมั่นใจให้ได้เป็นอย่างมาก และในการฉีดวัคซีนจากที่คุยกับทางสาธารณสุขจังหวัดและโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตก็มีความพร้อมในการดำเนินการ โดยจัดเตรียมทีมแพทย์ทั้งของรัฐและเอกชนไว้ 20ทีมๆ ละ 20 คน พร้อมกำหนดสถานที่ในการฉีดไว้ 9 แห่ง ได้แก่ โรงแรมสแปซ รีสอร์ท, ธัญญปุระ, อังสนาคอนเวนชั่นแอนด์เซ็นเตอร์, ศูนย์การจังซีลอนป่าตอง, มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต, มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต, สนามกีฬาสะพานหิน, โรงพยาบาลฉลองและโรงแรมภูเก็ตออร์คิด รีสอร์ท หากได้วัคซีนมาภายในวันที่ 15 เมษายนนี้ สามารถฉีดได้” นายภูมิกิตติ์ระบุ
นายภูมิกิตติ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับลูกค้าหลักของภูเก็ต จำนวน 28 ประเทศ แต่ลูกค้าประจำสม่ำเสมอของภูเก็ต คือ จีนกับรัสเซีย แต่หากไม่ได้ทั้งประเทศก็อาจจะเป็นเมืองใดเมืองหนึ่งหรือเมืองพี่เมืองน้องในอนาคต ซึ่งหากเราเปิดในเดือนตุลาคม ตลาดจะเป็น จีน รัสเซีย อินเดีย ออสเตรเลียและสหราชอาณาจักร โดยจะสร้างรายได้ประมาณ 54,967 ล้านบาท แต่หากเราขยับเปิดในวันที่ 1 กรกฎาคม จะสร้างรายได้ประมาณ 84,000 ล้านบาท โดยตลาดที่ได้แน่นอน คือ สิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน ภายใต้เงื่อนไขคนภูเก็ตทุกคนได้รับวัคซีน และนักท่องเที่ยวที่เข้ามาก็จะต้องรับวัคซีนมาแล้วด้วย โดยเมื่อเข้ามาแล้วก็ไม่ต้องกักตัว และเที่ยวได้ทั้งเกาะ
นายภูมิกิตติ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับลูกค้าหลักของภูเก็ต จำนวน 28 ประเทศ แต่ลูกค้าประจำสม่ำเสมอของภูเก็ต คือ จีนกับรัสเซีย แต่หากไม่ได้ทั้งประเทศก็อาจจะเป็นเมืองใดเมืองหนึ่งหรือเมืองพี่เมืองน้องในอนาคต ซึ่งหากเราเปิดในเดือนตุลาคม ตลาดจะเป็น จีน รัสเซีย อินเดีย ออสเตรเลียและสหราชอาณาจักร โดยจะสร้างรายได้ประมาณ 54,967 ล้านบาท แต่หากเราขยับเปิดในวันที่ 1 กรกฎาคม จะสร้างรายได้ประมาณ 84,000 ล้านบาท โดยตลาดที่ได้แน่นอน คือ สิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน ภายใต้เงื่อนไขคนภูเก็ตทุกคนได้รับวัคซีน และนักท่องเที่ยวที่เข้ามาก็จะต้องรับวัคซีนมาแล้วด้วย โดยเมื่อเข้ามาแล้วก็ไม่ต้องกักตัว และเที่ยวได้ทั้งเกาะ