สรท.หวั่นปัญหาโลจิสติกส์ระหว่างประเทศฉุดส่งออกไทย
สรท. คาดการณ์การส่งออกไทยปี 64 โต 3-4% วิตกสถานการณ์โลจิสติกส์ระหว่างประเทศ การแพร่ระบาดโควิดรอบ 3 ฉุดรั้งการส่งออกและการลงทุนไทย รวมไปถึงปัญหาเพื่อนบ้าน แม้จะมีสัญญาณการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกและมาตรการกระคุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ
นางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า สรท. ยังคงคาดการณ์การส่งออกไทยในปี 2564 เติบโต 3-4% โดยมีปัจจัยบวกที่สำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกในปี 2564 แต่ทั้งนี้ก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดทั้งเรื่องของค่าระวางเรือ ความต้องการตู้คอนเทรนเนอร์ ที่จะกระทบต่อการนำเข้า-ส่งออกไทยในปีนี้ รวมไปถึงปัญหาของประเทศเพื่อนบ้าน ขณะนี้ จะเห็นว่ามูลค่าการส่งออกไทยไปในเมียนมาหดตัวสูงขึ้นประมาณ 29.7% ดังนั้น ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
สำหรับปัจจัยบวกที่สำคัญ ได้แก่ สัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมีทิศทางดีขึ้นทั่วโลก อาทิ การเข้าถึงวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มีมากขึ้น ส่งผลบวกต่อทิศทางการฟื้นตัวของระดับเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และกิจกรรมการค้าระหว่างประเทศ ดีขึ้นต่อเนื่อง โดยที่ทั่วโลกมีการฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 500 ล้านโดส กว่า 140 ประเทศทั่วโลก ประเทศไทยฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 136,000 โดส ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อการผลิต (PMI Index) ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก ส่งผลให้การส่งออกทั่วโลกเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงปลายปี 2563
ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ มูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ส่งผลดีต่อกำลังซื้อของประชาชนกลุ่มกลาง-ล่าง จากการได้รับเงินช่วยเหลือ 1,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อคน อีกทั้งนโยบายปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำเป็นเท่าตัว จะส่งผลดีต่อความต้องการสินค้าจากทั่วโลกรวมถึงสินค้าไทย โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 และ Work from Home เช่น ถุงมือยาง, หน้ากากอนามัย, ผลไม้แปรรูป, อาหารสำเร็จรูปและเครื่องปรุงอาหาร รวมถึงเครื่องดื่ม อุปกรณ์และชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์และของตกแต่งบ้าน นอกจากนี้ค่าเงินบาทที่กลับมาอ่อนค่า ในรอบ 4 เดือน จากอานิสงส์การปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (บอนด์ยีลด์) ซึ่งมีแรงหนุนมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐมูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ และสถานะการขายสุทธิในตลาดพันธบัตรและตลาดทุน
ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคสำคัญในปี 2564 ได้แก่ ปัญหา International Logistics อาทิ ปัญหาเรือ Ever Given บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์กว่า 20,000 TEUs ประสบอุบัติเหตุในคลองสุเอซ ประเทศอียิปต์ ซึ่งเป็นเส้นทางหลักในการขนส่งจากเอเซียไปยุโรป ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อเรือบรรทุกสินค้า น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ หลายร้อยลำไม่สามารถผ่านเส้นทางนี้ได้ และส่งผลทำให้การส่งมอบสินค้าล่าช้ากว่ากำหนดกระทบภาคการผลิต รวมทั้ง อาจจะส่งผลกระทบต่อเนื่อง ทำให้เกิดปัญหาความแออัดในบริเวณท่าเรือ Said Port และ Suez Port รวมทั้ง Transshipment Port ที่สำคัญ รวมทั้งปัญหาการส่งมอบสินค้าล่าช้า และสายเรืออาจจะมีการปรับค่าระวางเรือเพิ่มขึ้น (Spot Rate) รวมถึงค่า Surcharge ในบางรายการ อาทิ Bunker Adjustment Factor (BAF), Low Sulphur Surcharge (LSS)
"ปัญหาตู้สินค้าขาดแคลนและอัตราค่าระวางที่ทรงตัวในระดับสูง ผนวกกับจำนวนตู้ที่กลับเข้าสู่ระบบก็ยังไม่เพียงพอต่ออุปสงค์ในการส่งออกของทุกประเทศทั่วโลก ประกอบกับอัตราค่าระวางยังคงทรงตัวในระดับสูงหลายเส้นทางสำคัญ อาทิ EU / US East-West coast ซึ่งมีแนวโน้มที่ค่าระวางเรืออาจทรงตัวในระดับสูงไปจนถึงปลายปี 2564 ปัญหาความแออัดภายในท่าเรือแหลมฉบัง โดยเฉพาะในช่วงปลายสัปดาห์ที่มีการขนถ่ายสินค้าจำนวนมาก ทำให้รถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ต้องเสียเวลารอขนถ่ายสินค้านำเข้าและส่งออกนานกว่า 7-15 ชั่วโมง โดยเฉพาะบริเวณท่าเรือ C3 และ B5 ทำให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนเพิ่มขึ้น"
นอกจากนี้ปัญหาการระบาดโควิด-19 รอบใหม่ในสหภาพยุโรป โดยเฉพาะในประเทศอิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมนี โปแลนด์ ซึ่งมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายประเทศเริ่มกลับมาใช้มาตรการล็อคดาวน์ในบางพื้นที่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่อาจกลับมาชะลอได้อีกครั้ง ปัญหาชิปขาดแคลนที่ก่อนหน้านี้หลายโรงงานผลิตชิปต้องปิดตัวหรือลดกำลังการผลิตลงชั่วคราว จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2020 ที่ผ่านมา ประกอบกับโรงงานผลิตชิปที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกสัญชาติญี่ปุ่นเกิดเหตุเพลิงไหม้เครื่องสำหรับผลิตชิป ทำให้กำลังการผลิตเพื่อป้อนเข้าสู่ตลาดโลกหายไปพอสมควร ประกอบกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป (New Normal) การทำงานที่บ้าน การสื่อสารหรือซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ทำให้อุปสงค์ในการซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ Smartphone และเครื่องเล่นเกมส์ ได้อานิสงค์เพิ่มมากขึ้น และถึงแม้ในปัจจุบันโรงงานผลิตชิปจะสามารถเริ่มการผลิตได้อย่างปกติอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่เพียงพอ และ การขาดแคลนแรงงานกลุ่ม Unskilled labor เนื่องจากผลกระทบของโควิด-19 ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการเข้าออกของแรงงาน ทั้งนี้ปัญหาอาจมีความรุนแรงมากขึ้นเนื่องด้วยกิจกรรมการผลิตและการส่งออกเริ่มฟื้นตัวจากแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า
นางสาวกัณญภัค กล่าวว่า ทั้งนี้สรท. ข้อเสนอแนะที่สำคัญ ที่ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวเร่งแก้ไข คือ เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน รวมถึงมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการส่งออกที่ชัดเจนเนื่องจากต้องแบกรับต้นทุนค่าขนส่งที่สูงมากขึ้น อาทิ กำกับดูแลไม่ให้สายเรือและผู้ขนส่งสินค้าระหว่างประเทศปรับเพิ่มค่าระวางและค่าบริการเสริม (Surcharge) เร่งรัดการแก้ไขปัญหาความแออัดและการจราจรติดขัดภายในท่าเรือแหลมฉบัง เนื่องจากทำให้ผู้ประกอบการส่งออกมีต้นทุนและระยะเวลาในการปฏิบัติงานขนส่งเพิ่มขึ้นและทำให้การนำเข้าวัตถุดิบสู่กระบวนการผลิตมีความล่าช้า
รวมทั้งขอให้ ธปท. ใช้มาตรการหรือเครื่องมือทางการเงินเพื่อกำหนดทิศทาง รักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาทไว้ที่ 32 บาทต่อดอลลาร์ เร่งดำเนินการความตกลงเขตการค้าเสรีที่สำคัญ อาทิ CPTPP, RCEP, Thai-EU, Thai – UK, Thai-Turkey เพื่อส่งเสริมให้มีการใช้สิทธิประโยชน์จากความตกลง อีกทั้งเป็นเครื่องมือที่ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับคือสู่สภาวะปกติโดยเร็ว และเนื่องจากแรงงานในระดับ Unskilled labor ขาดแคลนอยางหนักโดยเฉพาะในภาคการผลิต ขอรัฐบาลพิจารณาแนวทางการนำเข้าแรงงานต่างด้าวเพิ่มเติมโดยเร็ว แต่อาจต้องมีมาตรการรับมือการแพร่ระบาดโควิดที่เข้มงวด ในขณะเดียวกันผู้ประกอบการไทยควรสนับสนุนต้นทุนค่าวัคซีน สำหรับแรงงานต่างด้าวที่ต้องการนำเข้าเพิ่มเติม