'นิพนธ์'ลุ้นคดีพลิกปมไม่จ่ายค่าซ่อมรถ50ล้าน หลัง'ตร.'ฟ้องเอกชนฮั้ว
"นิพนธ์" มีลุ้นคดีพลิก หลังโดน "ป.ป.ช." ชี้มูลความผิด ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ไม่จ่ายค่าซ่อม รถซ่อมบำรุงทาง กว่า 50 ล้าน ล่าสุด "ตร." สั่งฟ้องเอกชน ปลอมแปลงเอกสาร-ฮั้ว เอาเปรียบหน่วยงานรัฐ เตรียมออกหมายจับ ผู้ต้องหา
ที่จ.สงขลา พ.ต.อ.ภูวรา แก้วพารัตน์ ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลา มีหนังสือแจ้งไปยังนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา เกี่ยวกับการดำเนินการสอบสวนและเห็นควรสั่งฟ้องบริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัดโดยนายอิทธิพล ดวงเดือน ในฐานะนิติบุคคลผู้ต้องหาที่ 1 นายอิทธิพล ดวงเดือน ในฐานะส่วนตัว ผู้ต้องหาที่ 2 และนางสาวศศิธร ตั้งตรงคิด กรรมการบริษัทเอส พี เค ออโต้เทค จำกัด ในฐานะส่วนตัว ผู้ต้องหาที่ 3 ในความผิดฐาน ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม ตกลงร่วมกันในการเสนอราคา เพื่อวัตถุประสงค์จะให้ประโยชน์แก่ผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานรัฐ โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมหรือโดยกีดกันมีให้มีการเสนอสินค้าหรือบริการอื่นต่อหน่วยงานรัฐหรือโดยการเอาเปรียบหน่วยงานรัฐอันมีใช่เป็นไปในทางการประกอบธุรกิจปกติ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 , 264 และ268 และตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐพ.ศ.2542 มาตรา 4 , 14 (2) และมาตรา 14 วรรคสาม
ผู้สื่อข่าวได้มีการติดต่อไปยัง พ.ต.อ.ภูวรา แก้วพารัตน์ ผู้กำกับ สภ.เมืองสงขลา เพื่อติดต่อสอบถามเพิ่มเติมจึงได้รับการยืนยันว่า ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนได้มีการออกหมายเรียกไปยังผู้ต้องหาทั้ง 2 รายข้างต้นแล้ว ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมาแต่ผู้ต้องหามิได้มาตามหมายเรียกมีเพียงหนังสือแจ้งพร้อมใบรับรองแพทย์เพื่อขอเลื่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนเนื่องจากมีอาการป่วย ซึ่งโดยกระบวนการต่อจากนี้จะมีการออกหมายเรียกอีก 2 ครั้งหากผู้ต้องหามิได้มาพบพนักงานสอบสวนก็จะออกหมายจับต่อไป
ด้านนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีและโฆษกอัยการปราบปรามทุจริตภาค 9 ได้ให้ความเห็นว่า ทราบว่าจะมีการส่งสำนวนเรื่องเกี่ยวกับการปลอมเอกสารเกี่ยวการจัดซื้อจัดจ้างซึ่งสำนวนนั้นจะไม่เกี่ยวกับการปราบปรามทุจริตภาค 9 เพราะว่าทางเรารับสำนวนจากที่ป.ป.ช.ไต่สวนมาและส่งสำนวนมาให้อัยการพิจารณา ส่วนเรื่องที่กำลังจะส่งอีกสำนวนเป็นการกล่าวหาเกี่ยวกับกระบวนการปลอมเอกสาร ซึ่งไม่ได้อยู่ในสำนวนทุจริต แต่ในส่วนของอัยการปราบปรามทุจริตฯ ภาค 9 สำนวนทำเสร็จแล้วและอธิบดีฯ ได้ลงนามและกราบเรียนไปยังอัยการสูงสูดที่กรุงเทพฯแล้ว เป็นอำนาจของท่านอัยการสูงสุดสั่งการ
เมื่อถามถึงความเชื่อมโยงระหว่างสำนวนที่มีการฮั๊วประมูลและปลอมเอกสารกับคดีของนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดไว้แล้วนั้น นายโกศลวัฒน์ กล่าวว่าในตอนไต่สวนที่ ป.ป.ช.ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาสามารถที่จะชี้แจงและส่งให้ ป.ป.ช.ได้ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว อาจจะแยกสำนวนได้ และเป็นคนละการกระทำกัน
นายโกศลวัฒน์ กล่าวว่า ผู้ถูกกล่าวหาในสำนวน ป.ป.ช.ก็สามารถหยิบยกเรื่องการปลอมเอกสารและฮั๊วประมูลให้ ปปช.ขึ้นพิจารณาในชั้นไต่สวนตั้งแต่ต้นได้อยู่แล้วหรือจะนำมาใช้ต่อสู้ในชั้นศาล หากสำนวนนี้มีการนำเข้าสู่ศาลสามารถจะนำไปต่อสู้ต่อได้
นายโกศลวัฒน์ กล่าวว่า ในกรณีนี้มีความเชื่อมโยงกับสำนวนที่ยังคงอยู่ในระหว่างการพิจารณาของ ป.ป.ช. ที่มีมติชี้มูลความผิดนายนิพนธ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา กรณีละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ มิได้อนุมัติงบประมาณเบิกจ่ายเงินให้กับบริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด เป็นค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ 2 คัน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 50,850,000 บาท ทำสัญญาซื้อขายกันเมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2556 ซึ่งขณะนี้สำนวนได้มีมีการพิจารณาของสำนักงานอัยการคดีปราบปรามการทุจริต ภาค 9 และส่งความเห็นไปยังสำนักอัยการสูงสุดเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม หาก ป.ป.ช. มีการหยิบยกสำนวนในคดีร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม ตกลงร่วมกันในการเสนอราคา ของบริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัดโดยนายอิทธิพล ดวงเดือน และนางสาวศศิธร ตั้งตรงคิด กรรมการบริษัท เอส พี เค ออโต้เทค จำกัด มาพิจารณาหรือแม้ผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ได้มีการโต้แย้งและหยิบยกเรื่องนี้มาใช้ในการต่อสู่ในชั้นศาล ก็มีโอกาสที่จะส่อแววว่าคดีนี้อาจจะพลิกก็เป็นได้