กทม.เร่งฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยง "ตลาดบางแค" คืบหน้าแล้ว 90 %
กทม.นัดกลุ่มเสี่ยงย่าน "ตลาดบางแค" อีก 10% เร่งรับวัคซีนโควิด–19 เข็มที่ 2 ช่วง 19-21 เม.ย.นี้
วันที่ 12 เม.ย. นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร(กทม.) พร้อมคณะผู้บริหาร สำนักอนามัย และสำนักงานเขต เดินทางมาที่โรงเรียนวัดนิมมานรดี เขตภาษีเจริญ เพื่อตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เข็มที่ 2 แก่ผู้ค้าและผู้ช่วยค้าย่านตลาดบางแค รวมถึงประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่โดยรอบ
นางศิลปสวย กล่าวว่า สืบเนื่องจากวันที่ 17-22 มี.ค.ที่ผ่านมา กทม.ได้จัดเจ้าหน้าที่ออกหน่วยบริการเชิงรุกฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เข็มแรกให้กลุ่มเสี่ยงที่เป็นผู้ค้าและผู้ช่วยค้าในตลาดย่านตลาดบางแค รวมถึงประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่โดยรอบ ที่ตลาดสิริเศรษฐนนท์ เขตบางแค และวัดนิมมานรดี เขตภาษีเจริญ จำนวน 6,824 ราย
นางศิลปสวย กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เพื่อให้การรับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เจ้าหน้าที่ได้กำหนดให้ผู้ที่เคยรับวัคซีนซิโนแวคเข็มแรก มารับวัคซีนเข็มที่ 2 ในระหว่างวันที่ 7-12 เม.ย. โดยตั้งแต่วันที่ 7-11 เม.ย.64 มีผู้มารับการฉีดวัคซีน จำนวน4,949 ราย คิดเป็นร้อยละ 72.52 ส่วนในวันนี้(12 เม.ย.) คาดว่าจะมีผู้มารับการฉีดวัคซีน ประมาณ 1,400 ราย ทำให้ยอดรวมตั้งแต่วันที่7-12 เม.ย. มีผู้มารับการฉีดวัคซีน จำนวน 6,000 กว่าราย คิดเป็นร้อยละ 90
"ผู้ที่รับวัคซีนซิโนแวคเข็มแรกแล้ว แต่ยังไม่มารับวัคซีนเข็มเข็มที่ 2 ตามกำหนดนัด เนื่องจากมีความจำเป็นต้องเดินทางในช่วงสงกรานต์ สามารถมารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ได้ในวันที่ 19-21 เม.ย. เมื่อได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบ 2 เข็มแล้ว จะได้รับเอกสารรับรองการได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของประเทศไทย"นางศิลปสวย ระบุ
ปลัด กทม. กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตามการฉีดวัคซีนเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันโรคเท่านั้น หากได้รับเชื้อโควิด-19 เข้าไป บางรายอาจไม่แสดงอาการ แต่ยังสามารถที่จะแพร่เชื้อไปยังผู้ที่ใกล้ชิดได้ จึงขอให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัดเช่น การสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้าน ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงหรือที่ชุมนุมคนจำนวนมาก หากมีความจำเป็นต้องเดินทางเข้าไปพื้นที่เสี่ยง ขอให้กักตัวเป็นเวลา 14 วัน เพื่อเฝ้าสังเกตอาการตนเอง และปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดเพื่อให้การป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 มีประสิทธิภาพมากขึ้น
"กทม.ได้ดำเนินการค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยนำผู้ติดเชื้อเข้ารับการรักษาได้มากขึ้น ป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่กระจายในวงกว้าง ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเขตร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ออกตรวจสถานบริการในพื้นที่เป็นประจำ หากพบสถานบริการใดฝ่าฝีนไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราวไปก่อนหน้านี้แล้ว"นางศิลปสวย ระบุ