แอมเนสตี้ฯ ร้อง 'สมศักดิ์' จี้เร่งสอบสวน 'วันเฉลิม' หลังหายตัวครบ 1 ปี
แอมเนสตี้ฯ ร้อง "สมศักดิ์" จี้เร่งสอบสวน-ทวงความยุติธรรม "วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์" หายตัวครบ 1 ปี
วันที่ 4 มิ.ย. แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงกระทรวงยุติธรรมขอให้เร่งรัดการดำเนินคดีและออกกฎหมายที่สอดคล้องกับหลักการสากลเพื่อยุติการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย และเรียกร้องทางการไทยเริ่มการสอบสวนอย่างเป็นทางการต่อการบังคับบุคคลให้สูญหายกรณีวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรมชาวไทยที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา หลังไม่มีความคืบหน้าจากทางการกัมพูชา และทำกิจกรรม “1 ปี เราไม่ลืม #หนึ่งปีต้องมีความยุติธรรมให้วันเฉลิม” เนื่องในวาระครบรอบหนึ่งปีการหายตัวไปของวันเฉลิม
โดยนักกิจกรรมแอมเนสตี้ ประเทศไทยและครอบครัววันเฉลิมได้ร่วมสวมเสื้อฮาวาย ใส่หน้ากากวันเฉลิม พร้อมยืนถือป้าย #หนึ่งปีต้องมีความยุติธรรมให้วันเฉลิม เป็นเวลา 12 นาที เพื่อรำลึกถึง 12 เดือนที่วันเฉลิมได้หายตัวไป รวมถึงเพื่อทวงคืนความยุติธรรม และร่วมกันส่งเสียงเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการยุติการสร้างความหวาดกลัวจากการถูกบังคับให้สูญหาย
นางปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวว่า วันนี้ครบรอบหนึ่งปีการหายตัวไปของวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ แต่ยังไม่มีความยุติธรรมให้กับเขาและครอบครัว เห็นได้ชัดว่า ทางการกัมพูชาล้มเหลวในการสอบสวนเพื่อให้ทราบชะตากรรมและที่อยู่ของวันเฉลิม และไม่สามารถปฏิบัติตามพันธกรณีด้านกฎหมายที่จะต้องดำเนินการสอบสวนอย่างเหมาะสมต่อการบังคับบุคคลให้สูญหายที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ได้
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นเเนลจึงขอเรียกร้องให้กระทรวงยุติธรรมติดตาม ผลักดันและให้คำมั่นเพื่อปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายให้สอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมหรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี และอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ
ตลอดทั้งเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรมสอบสวนคดีพิเศษและสำนักงานอัยการสูงสุด ดำเนินการสอบสวนและค้นหาข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน เคารพสิทธิในการเข้าถึง ความยุติธรรมของผู้เสียหายและครอบครัว นำตัวคนผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมที่เป็นขธรรม และยุติวัฒนธรรมการลอยนวลพ้นผิดจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ร้ายแรง เช่น การทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย
“แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลขอเรียกร้องให้ทางการไทยให้เริ่มการสอบสวนอย่างเป็นอิสระด้วยตนเอง โดยให้อัยการสูงสุดร่วมมือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ เริ่มการสอบสวนอย่างเป็นทางการต่อการบังคับบุคคลให้สูญหายกรณีนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ตามมาตรา 20 ของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ประกอบกับมาตรา 3 และมาตรา 21 พระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 และเพื่อประกันความเป็นอิสระและความน่าเชื่อถือของการสอบสวนครั้งนี้ ขอให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เข้ามามีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิดในการสอบสวนครั้งนี้ด้วย
“ถึงเวลาแล้วที่ทางการไทยต้องเข้ามาทำหน้าที่ และดำเนินการสอบสวนอย่างรอบด้าน อย่างไม่ลำเอียง และเป็นอิสระต่อการบังคับบุคคลให้สูญหายซึ่งเกิดขึ้นกับพลเมืองของตนเองในระหว่างที่อยู่ต่างประเทศ เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีผู้ลี้ภัยชาวไทยหลายคนถูกบังคับให้สูญหายในประเทศเพื่อนบ้าน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการสอบสวนที่เป็นอิสระอย่างแท้จริง โดยปราศจากการแทรกแซงของรัฐบาล”
ขณะเดียวกัน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ยังย้ำข้อเรียกร้องที่มีต่อคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (AICHR) ให้ดำเนินการอย่างจริงจังมากขึ้น เพื่อประสานความร่วมมือระหว่างประเทศในอาเซียน เพื่อให้เกิดมาตรการความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ต่อกรณีผู้เสียหายจากการบังคับให้สูญหาย รวมทั้งการค้นหา ระบุตำแหน่งที่อยู่ ปล่อยบุคคลที่ถูกบังคับให้สูญหายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“การที่อาเซียนและ AICHR ยังนิ่งเฉยทั้งที่เกิดการบังคับบุคคลให้สูญหายข้ามพรมแดนภายในภูมิภาค เป็นเรื่องน่าละอายและถือเป็นความร่วมมือระดับภูมิภาคที่เลวร้ายสุดครั้งหนึ่ง การลอยนวลพ้นผิด ความอยุติธรรมและการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวางเกิดขึ้นได้เพราะความเพิกเฉยขององค์กรระดับภูมิภาค ถึงเวลาแล้วที่อาเซียนต้องแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนต่อการบังคับบุคคลให้สูญหาย”