‘บลจ. วรรณ’มั่นใจรีทบายแบ็คกองแรกของไทย ‘GROREIT’ เข้าเป้า 4.5พันล้าน

‘บลจ. วรรณ’มั่นใจรีทบายแบ็คกองแรกของไทย ‘GROREIT’ เข้าเป้า 4.5พันล้าน

"บลจ.วรรณ" มั่นใจ กองรีทบายแบ็กกองแรกของไทย" แกรนด์ รอยัล ออคิดโฮสพีทาลิตี้" ยอดขายตามเป้า 4.5 พันล้าน  หลังรายย่อยแห่ซื้อ เหตุผลตอบแทนสูง8%  เผยผู้ประกอบการท่องเที่ยว โรงแรม 1-2 ราย จ่อออกเพิ่ม

นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนวรรณ จำกัด(บลจ.วรรณ) เปิดเผยว่า กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แกรนด์ รอยัล ออคิดโฮสพีทาลิตี้ (GROREIT) ซึ่งเป็นกองทุนทางเลือกในรูปแบบกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นกองทรัสต์ที่มีสัญญาซื้อคืน หรือ REIT with Buy Back  กองแรกของไทย 

โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเสนอขายครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 28 มิ.ย.ถึง 9 ก.ค. นี้ และมีผลตอบรับดีจากนักลงทุน โดยเฉพาะรายย่อย คาดว่า สิ้นสุดการเสนอขายดังกล่าวน่าทำได้เป็นตามเป้าหมายวางไว้ที่ 4,500 ล้านบาท

“ปัจจุบันมียอดซื้อเข้ามาใกล้เคียงเป้าหมายแล้ว แต่รอบนี้พบว่า ส่วนใหญ่นักลงทุนรายย่อยมากกว่านักลงทุนสถาบัน โดยเป็นกลุ่มรายย่อยที่เป็นขาประจำลงทุนในกองรีทอยู่แล้ว และกลุ่มที่คุ้นเคยกับการลงทุนหุ้นกู้ระยะ 5 ปี  เช่นเดียวกันกับกอง GROREIT แต่ให้ผลตอบแทนดีกว่าถึง8% น่าจะตอบโจทย์ความต้องการลงทุนในช่วงนี้ที่ตลาดหุ้นปรับตัวลง”

สำหรับกองทุนGROREITจะลงทุนในกรรมสิทธิ์ (Freehold)ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของโครงการในโรงแรม รอยัล ออคิด เชอราตัน โฮเต็ล แอนด์ ทาวเวอร์ มูลค่ารวมของกองทรัสต์ 4,500 ล้านบาทซึ่งเป็นการลงทุนที่ต่ำกว่าราคาประเมินถึง 718 ล้านบาท หรือประมาณ 14% และมีข้อตกลงในการซื้อคืนผลตอบแทนรวม 8%ต่อปี

         

นายพจน์ กล่าวว่า ขณะเดียวกันปัจจุบันยังมีผู้ประกอบการเกี่ยวกับธุรกิจท่องเที่ยวให้ความสนใจออกกองทุนรีทบายแบ็คกับบริษัทเพิ่มขึ้น แต่ยังอยู่ระหว่างการหารืออีกราว 1-2 ราย เป็นผู้ประกอบการเกี่ยวกับศูนย์ท่องเที่ยวหรือผู้ประกอบการโรงแรมในต่างจังหวัด ซึ่งอยู่ในพื้นที่ต่างๆที่ประสบปัญหาและต้องการเสริมสภาพคล่องธุรกิจให้พ้นวิกฤติโควิด-19 ครั้งนี้  โดยมองว่า รีทบายแบ็คเป็นทางออกที่ดี  

ตามวัตถุประสงค์ทาง ก.ล.ต. ออกหลักเกณฑ์มาเพื่อช่วยผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 และยังต้องประเมินผลตอบรับกองทุนแรกที่ออกให้ชัดเจน

สำหรับผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่ต้องการออกกองทุนประเภทนี้ ต้องประเมินความพร้อมว่าเมื่อเข้ามาระดมทุนแล้วมีความสามารถในการจ่ายปันผลหรือดอกเบี้ยให้กับนักลงทุนได้น่าจูงใจ และทำให้มีความเสี่ยงกับนักลงทุนให้น้อยที่สุด แน่นอนว่า ปันผลต้องสูงในระดับที่ไม่น้อยกว่ากองรีทปกติ โดยหากเป็นกองรีทลงทุนในกรรมสิทธิ์(Freehold) ระดับ 8% ขึ้นไป ส่วนลงทุนในสิทธิการเช่า (Leasehold) ถือว่าน่าจูงใจ

ส่วนในแง่ของนักลงทุนสนใจเข้าลงกองทุนรีทบายแบ็ค แนะว่า ต้องพิจารณาความเสี่ยงกองทุน ทั้งกระแสเงินสดเพียงพอจ่ายดอกเบี้ยหรือปันผลหรือไม่ และแหล่งเงินต้นหรือสินทรัพย์ประเภทลงทุนในกรรมสิทธิ (Freehold) มูลค่าสินทรัพย์เพียงพอกับมูลค่าระดมทุนหรือไม่ ส่วนความน่าสนใจ คือ เจ้าของเดิมจะมีเงื่อนไขซื้อทรัพย์สินคืนบนราคาและระยะเวลาที่กำหนดแน่นอน