อุทธรณ์ยืนสั่งประหาร 'ผอ.กอล์ฟ' ฆ่า 3 ศพ ชิงทองห้างดังลพบุรี

เมื่อวันที่ 20 ก.ค. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเร้นซ์ไปยังเรือนจำกลางบางขวาง คดีหมายเลขดำอ. 409/2563 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 6 และผู้เสียหายอีก 10 ราย ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายประสิทธิชัย เขาแก้ว อายุ 40 ปี หรือผอ.กอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในจ.สิงห์บุรี เป็นจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้และพยายามฆ่าผู้อื่นเพื่อความสะดวกในการเตรียมการกระทำความผิดอย่างอื่นและเพื่อหลบหนี ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยใช้ยานพาหนะฯ , กระทำผิดพ.ร.บ.อาวุธปืนฯพ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ.2530 ที่เจ้าพนักงานไม่สามารถอนุญาตให้มีฯ

โดยอัยการโจทก์และโจทก์ร่วมระบุฟ้องความผิดสรุปว่าทเมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2563 เวลากลางคืนจำเลยได้ใช้อาวุธปืนสั้น ออโตเมติกขนาด 9 ม.ม. ทะเบียน กท 5027346 เลขหมาย A 300638 ติดท่อเก็บเสียง 1 อัน ซองกระสุนปืนพร้อมเครื่องกระสุน จี้เอาสร้อยคอทองคำ น้ำหนักเส้นละ 1 บาท จำนวน 22 เส้น น้ำหนักเส้นละ 2 สลึง อีก 11 เส้น รวม 33 เส้น เป็นเงินทั้งสิ้น 664,470 บาท ของบริษัท ออโรร่าดีไซน์ จำกัดผู้เสียหายโดยใช้อาวุธปืนยิงประทุษร้าย นายธีระฉัตร นิ่มมา พนักงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) ของห้างฯ เด็กชายภาณุวิชญ์ วงศ์อยู่ และนางสาวธิดารัตน์ ทองทิพย์ พนักงานร้านทองโอโรร่า จนถึงแก่ความตาย รวม 3 คน และยิงบุคคลอื่นอีก 4 คนได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อน ขี่จยย.หลบหนีไปพร้อมทองรูปพรรณภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมตัวได้พร้อมทองรูปพรรณ รถจยย.ที่ใช้หลบหนีและของกลางอีกหลายรายการ

จำเลยให้การรับสารภาพ 

คดีนี้ศาลอาญามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 27ส.ค.2563 เห็นว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้องเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทลงโทษบทหนักสุดให้ประหารชีวิตจำเลยสถานเดียว รวมทั้งให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน แก่ผู้ร้องที่1จำนวน 1.8 แสนบาท ,ผู้ร้องที่ 2 จำนวน 9.9 หมื่นบาท , ผู้ร้องที่ 3 จำนวน 1.3 แสนบาท, ผู้ร้องที่ 4 จำนวน 2.2 ล้านบาท, ผู้ร้องที่ 5 จำนวน 7.5 แสนบาท ผู้ร้องที่ 6,7 และ8 จำนวน 2.25 ล้านบาท,ผู้ร้องที่ 9 และ 10 จำนวน จำนวน 7.5 แสนบาท

จำเลยยื่นอุทธรณ์ต่อศาลขอให้ลดโทษด้วย เนื่องจากให้การรับสารภาพ ไม่ต่อสู้คดี

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือเเล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า มีเหตุสมควรลดโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78หรือไม่นั้น เห็นว่าโจทก์และโจทก์ร่วมมีพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และพยานแวดล้อมกรณีมาสืบให้รับฟังได้อย่างมั่นคงว่าจำเลยเป็นคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายทั้งสามและผู้เสียหายที่ถูกยิงบาดเจ็บ 4 ราย และชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำของโจทก์ร่วมหลบหนีไปโดยที่จำเลยมิได้ลุแก่โทษเข้ามอบตัวต่อเจ้าพนักงานเเละสารภาพความผิด แต่ได้ความว่าเจ้าพนักงานตำรวจว่า ต้องรวบรวมพยานหลักฐานทั้งปวงเพื่อขอออกหมายจับจำเลยจนกระทั่งจับจำเลยได้ซึ่งลำพัง แค่พยานหลักฐานที่โจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบมาก็เพียงพอที่จะลงโทษจำเลยได้แล้ว

อย่างไรก็ตามระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ได้มีพ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมป.แพ่งและพาณิชย์ พ.ศ.2564มาตรา 4ให้ยกเลิกความในมาตรา 224แห่งป.แพ่งและพาณิชย์และให้ใช้ความใหม่แทนดังนั้นในการคิดดอกเบี้ยผิดนัดของค่าสินไหมทดแทนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ถึงกำหนดเวลาชำระตั้งแต่วันที่พระราชกำหนดดังกล่าวใช้บังคับคือวันที่ 11 เม.ย.2564เป็นต้นไปนั้นจำเลยจะต้องชำระดอกเบี้ยผิดนัดแก่ (ผู้ร้องทั้งสิบ ในอัตราตามป.แพ่งและพาณิชย์ม. 224 วรรคหนึ่ง (ที่แก้ไขใหม่) ตามพรก.แก้ไขเพิ่มเติมป.แพ่งและพาณิชย์2564 มาตรา 7 กรณีเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลอุทธรณ์มีอำนาจยกขึ้นอ้างและแก้ไขให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 195 วรรคสอง

ในส่วนแพ่งศาลอุทธรณ์จึงพิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยชำระดอกเบี้ยของค่าสินไหมทดแทนในอัตราร้อยละ 7.5ต่อปีจนถึงวันที่ 10 เม.ย.64 และอัตราร้อยละ 5 ต่อปีนับ แต่วันที่11 เม.ย.64เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระค่าสินไหมทดแทนเสร็จแก่ผู้ร้องทั้งสิบ