‘ททท.’ เร่งเครื่องยนต์ท่องเที่ยว กู้วิกฤติพ้นบ่วงโควิด!

‘ททท.’ เร่งเครื่องยนต์ท่องเที่ยว  กู้วิกฤติพ้นบ่วงโควิด!

อุตสาหกรรม “ท่องเที่ยว” หนึ่งในเครื่องยนต์เศรษฐกิจไทยที่เคยรุ่งโรจน์ สร้างรายได้ถึง 18%ของจีดีพี เจอวิกฤติโควิด-19 ล้างผลาญเป็นเวลาเกือบ 20 เดือนนับตั้งแต่พบการระบาด ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เคยเยือนประเทศไทยเกือบ40ล้านคนเมื่อปี 2562 หายวับไปกับตา!

เป็นหน้าที่ของหน่วยงานด้านการตลาดอย่าง “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” ที่ต้องกอบกู้สถานการณ์ เริ่มด้วยการอุ่นเครื่องยนต์ให้ร้อนผ่านโครงการ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และพื้นที่นำร่องอื่นๆ ควบคู่กับความพยายามคลายล็อกข้อจำกัดต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการเดินทางท่องเที่ยวให้ได้มากที่สุด ภายใต้สถานการณ์การระบาดโควิด-19 ภายในประเทศที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ!

ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประเมินว่า ตลอดปี 2564 ททท.จะสามารถดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยได้ถึง 1 ล้านคนอย่างแน่นอน! หลังจากที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้เห็นชอบตามที่ ททท.เสนอเรื่องให้นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้วซึ่งเข้าร่วมโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” สามารถเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดภูเก็ตกับพื้นที่นำร่องอื่นๆ ใน 3 จังหวัด ได้แก่ จ.สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า) จ.กระบี่ (เกาะพีพี เกาะไหง ไร่เล) และ จ.พังงา (เขาหลัก เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่) ภายใต้โมเดล “7+7 Phuket Extension กล่าวคือนักท่องเที่ยวต้องอยู่ในภูเก็ตครบ 7 วันแรกก่อน หากตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ครั้งที่ 2 แล้วผลเป็นลบ จึงจะเดินทางไปเที่ยวพื้นที่นำร่องอื่นได้ใน 7 วันหลัง เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยจะเริ่มมีนักท่องเที่ยวขอใบอนุญาตการเดินทางเข้าประเทศไทย (Certificate of Entry : COE) เดินทางเข้ามาด้วยโมเดลนี้วันที่ 17 ส.ค.เป็นต้นไป

“โมเดล 7+7 ภูเก็ต เอ็กซ์เทนชั่น เป็นการขายพ่วงเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ กับภูเก็ต ซึ่งจะช่วยเพิ่มความหลากหลาย เพิ่มโอกาสทางการตลาดในการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวพื้นที่นำร่องในไทยมากขึ้น”

ทั้งนี้ยอมรับว่าแม้จะเป็นเรื่องยากในการผลักดันจำนวนนักท่องเที่ยวโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ช่วงไตรมาส 3 นี้ให้ถึงเป้าหมาย 1 แสนคนตามที่ ททท.ตั้งไว้ เพราะสถานการณ์เปลี่ยน! พบการระบาดของโควิด-19 ในไทยที่พบผู้ติดเชื้อใหม่วันละ 2 หมื่นกว่าคน หน่วยงานรัฐของประเทศต่างๆ ยกระดับคำเตือนการเดินทางมาไทย และอาจมีผลต่อการกักตัวนานวันขึ้นเมื่อเดินทางกลับประเทศต้นทาง รวมถึงการระบาดซ้ำในประเทศพื้นที่เป้าหมาย แต่ ททท.ก็ยังหวังว่าในช่วงไฮซีซั่นนี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยมากขึ้น!

“เร็วๆ นี้ ททท.จะเชิญทูตจากทั่วโลกประจำประเทศไทยและครอบครัวให้ลงพื้นที่ภูเก็ตเพื่อสัมผัสความสวยงามของแหล่งท่องเที่ยวและมาตรการแซนด์บ็อกซ์ของไทย ตามนโยบายเปิดประเทศภายใน 120 วันของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ด้วยการนำร่องเปิดพื้นที่ที่มีความพร้อมก่อน เมื่อสามารถเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ได้ ททท.เตรียมถอดรหัสความสำเร็จ นำไปปรับใช้ในการเปิดพื้นที่อื่นๆ เช่น พื้นที่เกาะในภาคตะวันออกอย่างเกาะช้าง เกาะกูด และเกาะล้าน เป็นต้น”

ส่วนอีกเงื่อนไขที่จะหนุนให้ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยปีนี้ถึง 1 ล้านคน ล่าสุดทางคณะกรรมการด้านวิชาการตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ได้เห็นชอบให้เปิดรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับการฉีดวัคซีน สปุตนิก วี เข้าโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์และพื้นที่นำร่องได้ ซึ่งกรมควบคุมโรคจะออกประกาศอย่างเป็นทางการภายในเดือน ส.ค.นี้

ปัจจุบันมีประชากรใน 69 ประเทศที่ฉีดวัคซีนสปุตนิก วี โดยเฉพาะ “ชาวรัสเซีย” ที่ต้องการหนีหนาวออกไปเที่ยวต่างประเทศไม่ว่าจะมีการระบาดของโควิด-19 หรือไม่ก็ตาม เห็นได้จากช่วงนี้ชาวรัสเซียออกไปเที่ยวประเทศกรีซและตุรกีจำนวนมาก เมื่อประเทศไทยเปิดให้ชาวรัสเซียที่ฉีดวัคซีนสปุตนิก วี เข้ามาเที่ยวไทยได้ ททท.จึงหวังว่านักท่องเที่ยวรัสเซียจะเป็นฐานตลาดสำคัญเดินทางมายังพื้นที่นำร่องของไทยกว่า 5-7 แสนคนในปีนี้ หรือราว 50% เมื่อเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวรัสเซียมาไทยเมื่อปี 2562 ซึ่งมีจำนวน 1.4 ล้านคน โดยปัจจุบันชาวรัสเซียฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 20 ล้านคน ครอบคลุมประชากรในเมืองหลักทั้งมอสโกว เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และวลาดิวอสต็อก ซึ่งเป็นตลาดหลักและมีจำนวนเที่ยวบินพร้อมทำการบินมาไทย ที่ผ่านมามีเที่ยวบินทั้งแบบประจำและแบบเช่าเหมาลำของรัสเซียมาไทยสัดส่วน 50:50

“เมื่อไทยปลดล็อกให้นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนสปุตนิก วี เข้ามาได้ จะเริ่มเห็นเที่ยวบินเช่าเหมาลำเข้ามาภายในเดือน ต.ค.นี้แน่นอน ซึ่งทางสนามบินภูเก็ตและสนามบินสุราษฎร์ธานีมีความพร้อมในการรองรับ และนอกจากรัสเซียแล้วก็ยังมีประเทศอื่นๆ ที่ฉีดวัคซีนสปุตนิก วี เช่นกัน เช่น เวียดนาม เป็นต้น”

162920741375

ยุทธศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ล่าสุดทางสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ปรับลดเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยปีนี้จาก 5 แสนคน เหลือ 1.5 แสนคน อาจเป็นเพราะยังไม่รวมปัจจัยที่ ททท.พยายามทำการตลาดเพิ่มเติม อย่างเช่นเรื่องวัคซีน สปุตนิก วี ที่คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ยังอยู่ระหว่างพิจารณาฉีดให้คนไทย แต่ครั้งนี้เป็นเรื่องของการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะ ทำให้คณะกรรมการด้านวิชาการตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ เห็นชอบ

แม้ว่าตั้งแต่เดือน ม.ค.-ส.ค.2564 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาประมาณ 70,000 คนเท่านั้น โดย 6 เดือนแรกมีเพียง 49,700 คน แต่เมื่อเปิดโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.-16 ส.ค.ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเข้ามา 21,610 คน (เป็นคนไทย 2,755 คน) นอกจากนี้ ททท.ยังพยายามทำทุกทางเพื่อไปสู่เป้าหมายมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย 1.2 ล้านคนในปีนี้ แม้ไม่ได้ แต่ก็จะทำให้ถึง 1 ล้านคนอย่างแน่นอน ด้วยการมองเป้าหมายใหญ่ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในไตรมาส 4 ปีนี้ สร้างแรงส่งไปถึงไตรมาส 1 ปีหน้า

162920744484