พลิกโฉมสกินแคร์ไทย! วิศวะฯ มธ.ปรับตัวขานรับกม.ห้ามใช้ 'ครีมกันแดด'
พลิกโฉมสกินแคร์ไทย! วิศวะฯ มธ. เปิดมุมมองสะท้อนบทบาทของวิศวกรเคมี
ปรับตัวขานรับ กม. ห้ามใช้ครีมกันแดดในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ
- สารเคมีกับปัญหา ‘ปะการังฟอกขาว'
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีงานวิจัยจากหลายประเทศที่ระบุว่าสารเคมีบางชนิด ก่อให้เกิดปัญหา ‘ปะการังฟอกขาว’ ซึ่งเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์กันแดดอยู่ 4 ชนิด ดังนี้
- Oxybenzone (Benzophenone-3, BP-3)
- Octinoxate (Ethylhexyl Methoxycinnamate)
- 4-Methylbenzylid Camphor (4MBC)
- Butylparaben
- บทบาท ‘วิศวกรเคมี’ พลิกโฉมอุตสาหกรรมสกินแคร์
จากการตรวจสอบย้อนหลังเกี่ยวกับข้อกฎหมายห้ามใช้ครีมกันแดดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ‘ประเทศไทย’ ถือเป็นชาติแรกๆ ของโลกที่ออกกฎหมายนี้ ต่อจากรัฐฮาวาย (สหรัฐอเมริกา) และสาธารณรัฐปาเลา ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศเป็นหมู่เกาะ
โดย TSE มองการเคลื่อนไหวทางกฎหมายนี้เป็น ‘ปรากฏการณ์’ ครั้งสำคัญของมนุษยชาติและการเปลี่ยนแปลงที่ดี เพราะถือเป็นจุดเริ่มต้นของการตระหนักถึงคุณค่าของทรัพยากรทางทะเล โดยมีจุดเริ่มต้นตั้งแต่การคิดค้นผลิตภัณฑ์
‘วิศวกรเคมี’ ถือเป็นบุคลากรที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการพลิกโฉม อุตสาหกรรมสกินแคร์ (Skincare) ด้วยการขานรับข้อกฎหมาย และช่วยหาทางแก้ไขตั้งแต่กระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
- 'TSE' ชวนผู้หลงใหลกิจกรรมทางทะเลใช้สารกันแดดรุ่นเก่า
การเติบโตของ อุตสาหกรรมสกินแคร์ ส่งผลให้เกิดการแข่งขันด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น ด้วยการนำสารเคมีทางเลือกใหม่ที่ช่วยให้ผลลัพธ์จากการใช้งานดูเป็นธรรมชาติ แทนสารเคมีรุ่นเก่าที่มีคุณสมบัติสะท้อนแสง แต่ทำให้ผิวดูขาววอกไม่เป็นธรรมชาติ
เมื่อมีกฎหมายใหม่ที่ห้ามใช้สารเคมีรุ่นใหม่เช่นนี้ ซึ่งทางออกที่ TSE มองว่าเหมาะสำหรับผู้ที่หลงใหลกิจกรรมทางทะเลที่ง่ายและใช้ได้ทันที คือการเลือกผลิตภัณฑ์กันแดดที่ส่วนผสมของสารเคมีรุ่นบุกเบิกอย่าง ‘ไทเทเนียมไดออกไซด์’ (Titanium dioxide TiO2) และ ‘ซิงค์ออกไซด์’ Zinc Oxide โดยสังเกตได้จากฉลากที่กำกับข้างผลิตภัณฑ์ ซึ่งสารเคมีรุ่นบุกเบิกทั้ง 2 ชนิด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเลอย่างแน่นอน
เมื่อพิจารณาจากผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า จะพบว่ายังมีสารเคมีที่เป็นส่วนผสมจำนวนมากที่ส่งผลต่อการฟอกขาวของปะการัง อาทิ ส่วนผสมในสบู่ แชมพู โฟมล้างหน้า เป็นต้น ซึ่งไม่รวมปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ที่ยังไม่ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นทางสังคมอีกมากมาย
- 'TSE' หนุนออกเครื่องหมายกำกับผลิตภัณฑ์
การมีกฎหมายห้ามใช้ครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารเคมีบางชนิดในพื้นที่อุทยาน ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่ต้องควบคู่กับการบังคับใช้ที่มีประสิทธิภาพด้วย ซึ่งแน่นอนว่าการตรวจสอบว่าผู้ใดใช้ครีมกันแดดที่มีสารเคมีต้องห้ามในพื้นที่อุทยาน เป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ง่ายนัก TSE จึงมีข้อเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผลักดันการออกเครื่องหมายกำกับที่ชัดเจน เพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการใช้งานได้มากขึ้น
โดยไม่ส่งผลต่อห่วงโซ่การผลิตที่เคร่งครัดมากนัก นั่นหมายถึง การใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดทั่วไปยังสามารถเลือกใช้สารเคมีที่มีขายทั่วไปได้อยู่ แต่เมื่อไหร่ที่มีความจำเป็นต้องเข้าไปในพื้นที่อุทยาน ต้องควบคุมให้ใช้งานได้เฉพาะผลิตภัณฑ์กันแดดที่ระบุว่า ‘ไม่มีส่วนผสมของสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล’ ซึ่งจะช่วยยกระดับการบังคับใช้กฎหมายใช้เป็นรูปธรรมและจับต้องได้มากขึ้น
- ‘วิศวกรเคมี’ โอกาสของคนรุ่นใหม่
“เพราะเรื่องเคมีไม่ได้จำกัดเฉพาะในห้องแลป แต่อยู่ในชีวิตประจำวันของทุกคน ซึ่งในโอกาสที่ฉลองครบรอบ 32 ปี เนื่องในวันคล้ายวันสภาปนาคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หรือ TSE (19 สิงหาคมของทุกปี) TSE มีความมุ่งมั่นที่จะส่งต่ออนาคตทางการศึกษาให้กับคนรุ่นใหม่ที่มีความสนใจด้านวิศวกรรมเคมี ให้พร้อมเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆรอบตัวและพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลงด้านกฎหมายที่มีผลต่ออุตสาหกรรมสกินแคร์ ‘วิศวกรเคมี’ ต้องพร้อมเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงนี้เช่นกัน” รศ.ดร.ภณิดา ซ้ายขวัญ กล่าว
ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรวิศวกรรมเคมี พร้อมเงื่อนไขการเปิดรับสมัครนักศึกษาใหม่ของ TSE รวมทั้งกิจกรรมครบรอบ 32 ปีเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสภาปนาคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หรือ TSE สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.engr.tu.ac.th และ Facebook Fanpage ของ TSE ที่ www.facebook.com/ENGR.THAMMASAT