'เซ็นทรัลเวิลด์' ปิดดีล SF ถือหุ้น 52%
"เซ็นทรัลเวิลด์" ปิดดีลซื้อ SF จำนวน 1,111.78 ล้านหุ้น หรือ 52.15% มูลค่ากว่า 1.3 หมื่นล้าน ตามแผนซื้อกิจการของ CPN พร้อมเดินหน้าทำเทนเดอร์ผู้ถือหุ้นเดิมที่เหลือ
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่า ก.ล.ต.ได้รับรายงานการได้มา หุ้นของ บริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) โดย บริษัท เซ็นทรัลเวิลด์ จำกัด ซึ่งเป็นการได้มา เมื่อวันที่ 30 ส.ค.2564 จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มา คิดเป็น 52.1492% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ส่งผลให้จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มา คิดเป็น 52.1492% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ
ส่วนจำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มา ของกลุ่มคิดเป็น 52.1492% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ส่งผลให้จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มา ของกลุ่มคิดเป็น 56.2577% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ
สำหรับรายละเอียดราคาซื้อขายอยู่ที่ 12.00 บาทต่อหุ้น จำนวน 1,111,781,388 หุ้น มูลค่าการซื้อขาย 13,341.37 ล้านบาท โดยเป็นการซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยผ่าน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง จำกัด (มหาชน) บนกระดานซื้อขายรายใหญ่ (บิ๊กล็อต) จากกลุ่มเมเจอร์ กลุ่มนายนพพร กลุ่มนายพงศ์กิจ กลุ่มนายสมนึก
นอกจากนี้ ก.ล.ต.ยังได้รับรายงานการจำหน่าย หุ้นของ บริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) โดย บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR ซึ่งเป็นการจำหน่าย เมื่อวันที่ 30 ส.ค. จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่าย คิดเป็น 30.3556% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ส่งผลให้จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่าย คิดเป็น 0% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ
ส่วนจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่าย ของกลุ่มคิดเป็น 30.3556% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ส่งผลให้จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่าย ของกลุ่มคิดเป็น 0% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ
สำหรับรายละเอียดราคาซื้อขาย จำนวน 647,158,471 หุ้น โดยเป็นการซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยผ่าน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ จำกัด บนกระดานบิ๊กล็อต
ทั้งนี้ ธุรกรรมดังกล่าวเป็นไปตามแผนของ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) ในการเข้าซื้อหุ้น SF จาก MAJOR จำนวน 1,111,781,388 หุ้น หรือ 52.15% มูลค่าการซื้อขายรวม 13,341,376,656 บาท
นอกจากนี้ CPN ซึ่งเป็นบุคคลตามมาตรา 258 ของผู้ประกาศเจตนายังมีการถือหุ้นใน SF จำนวน 87,589,200 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 4.11% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดและสิทธิออกเสียงทั้งหมดของ SF ทำให้ผู้ประกาศเจตนาและบุคคลตามมาตรา 258 ของผู้ประกาศเจตนา มีสัดส่วนการถือหุ้นใน SF รวมเป็นจำนวน 1,199,370,588 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 56.26% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดและสิทธิออกเสียงทั้งหมดของ SF
ผู้ประกาศเจตนาจึงมีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญที่เหลือทั้งหมดของ SF (Mandatory Tender Offer) จากผู้ถือหุ้นของ SF ทุกราย จำนวน 932.550.343 หุ้น คิดเป็น 43.74% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วแล้วทั้งหมดและสิทธิออกเสียงทั้งหมดของ SF