"รพ.รามาธิบดีเพื่อรพ.ชุมชน"ส่งต่อการให้สู่ผู้ด้อยโอกาสสุขภาพดี มีอาชีพ
มูลนิธิรพ.รามาธิบดี ทุ่มงบ 100 ล้านบาท เปิดโครงการรามาธิบดีเพื่อรพ.ชุมชน ฯ ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารจัดการรพ.ชุมชน นำร่อง 4 รพ.ชุมชนในพื้นที่ห่างไกล เตรียมขยาย 19 โรงพยาบาลชุมชน
"โครงการรามาธิบดีเพื่อโรงพยาบาลชุมชน" ก่อตั้งโดยคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ร่วมกับ 4 โรงพยาบาลชุมชน ได้แก่ โรงพยาบาลอุ้มผาง จ.ตาก โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย จ.เลย โรงพยาบาลน้ำพอง และโรงพยาบาลอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น เพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสที่อยู่ห่างไกล
วันนี้ (29 ก.ย.2564) มูลนิธิรามาธิบดี ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จัดแถลงข่าวเปิดตัว โครงการรามาธิบดีเพื่อโรงพยาบาลชุมชน โดยมี ศ.นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดีและประธานคณะกรรมการบริหารมูลนิธิรามาธิบดีฯ กล่าวว่ารพ.รามาธิบดี มีความร่วมมือกับรพ.ชุมชนมาอย่างยาวนาน โดยมีการส่งนักศึกษาแพทย์ออกไปเรียนรู้ในชุมชนต่างจังหวัด เพื่อให้นักศึกษาแพทย์มีแรงบันดาลใจอยากกลับไปรับใช้ชุมชน ซึ่งโครงการนี้เป็นการพัฒนาต่อยอดเพื่อศักยภาพในการพัฒนาชุมชมให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และเป็นแบบอย่างของนักพัฒนา ในการทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนด้อยโอกาสในชุมชน ไม่ว่าจะเป็น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ ผู้ป่วยเรื้อรัง นอกจากดูแลสุขภาพแล้วยังได้มีการสร้างงาน สร้างอาชีพ มีการพัฒนาโรงพยาบาล ทำให้มีความยั่งยืน
“การบริหารโรงพยาบาลต้องดูเรื่องการจัดการทรัพยากรและทำให้เกิดความร่วมมือพัฒนาชุมชน ซึ่งเป็นที่มาที่รพ.รามาธิบดี ได้นำเงินจากผู้ที่มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคทุนทรัพย์ไปช่วยพัฒนาชุมชน ที่เป็นแหล่งให้ลูกศิษย์ได้ไปเรียนรู้ และเป็นการช่วยสร้างความยั่งยืนในชุมชน โดยโครงการดังกล่าว ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2563 ถึงปัจจุบัน ด้วยงบประมาณ 100 ล้านบาท” ศ.นพ.ปิยะมิตร กล่าว
- แพทย์ยุคใหม่ ต้องช่วยเหลือชุมชนในทุกมิติ
ทุกโครงการที่ทั้ง 4 โรงพยาบาลชุมชนนำร่อง ได้ดำเนินการนั้น จะเป็นการนำเสนอจากโรงพยาบาลชุมชน ว่าต้องการช่วยเหลือเรื่องอะไร และจะสร้างงาน สร้างอาชีพให้แก่คนด้อยโอกาสได้อย่างไร รวมถึงการปรับปรุงบริหารจัดการโรงพยาบาล เพื่อบริการประชาชน หรือการนำพลังานะสะอาดมาใช้ และลดค่าใช้จ่ายในการเสียค่าไฟ ให้อิสระ ผู้บริหารรพ.ชุมชน และทุกคนในชุมชนได้มาร่วมกันพัฒนาสุขภาพ และคุณภาพชีวิตที่ดีให้เกิดขึ้น
นพ.ปิยะมิตร กล่าวต่อว่า โครงการดังกล่าวนอกจากจะช่วยพัฒนาชุมชนแล้ว ยังเป็นการฝึกปฎบัติ การสร้างแรงบันดาลใจให้แก่นักศึกษาแพทย์ ได้เรียนรู้ เพราะแพทย์ยุคใหม่ ไม่ใช่เพียงรักษาคนไข้ในรพ.ได้ แต่ต้องเป็นแพทย์ที่นำการเปลี่ยนสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นในชุมชน ต้องเป็นแพทย์คิดนอกกรอบ รับผิดชอบต่อสังคม และทำให้เกิดการพัฒนา การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ นำคนที่เกี่ยวข้องเข้ามาทำงานร่วมกัน มีความเป็นผู้นำ
- “สร้าง” สุขภาพที่ดีไม่ต้องมา “ซ่อม” ทีหลัง
นพ.อภิสิทธิ์ ธำรงวรางกูร อดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น หนึ่งในโรงพยาบาลต้นแบบการส่งเสริมระบบดูแลสุขภาพ กล่าวว่าการสร้างบ้านให้ดีให้แข็งแรงไม่ต้องมาซ่อมทีหลัง สุขภาพก็เช่นกัน เพราะการซ่อมสุขภาพเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ จากงานวิจัยของโรงพยาบาลอุบลรัตน์พบว่า การเจ็บป่วยของประชาชน ร้อยละ 75 สามารถดูแลรักษาตัวเองที่บ้านและชุมชนได้ มีเพียงร้อยละ 25 ที่ต้องมาพบแพทย์ เมื่อเราไปสร้างความเข้มแข็งให้ครอบครัวและชุมชนในการดูแลรักษาพยาบาลที่บ้านและชุมชน จะทำให้โรงพยาบาลมีงานลดลง
ทีมงานของโรงพยาบาลมีเวลาไปสร้างสุขภาพ ป้องกันโรค และสนับสนุนการแก้ปัญหาปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม วิถีชีวิต ทำให้ครอบครัวอบอุ่น ชุมชนเข้มแข็งจนพึ่งตนเองได้ในระยะยาว
- “คนไม่ได้พิการ สิ่งแวดล้อมต่างหากที่พิการ”
นพ.ภักดี สืบนุการณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย จังหวัดเลย กล่าวว่าโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย มีแนวคิดว่าคนพิการควรได้รับการดูแลและส่งเสริมความสามารถอย่างรอบด้าน เพื่อให้มีความรู้ความสามารถเป็นที่ยอมรับ เพื่อให้มีอาชีพที่เป็นประโยชน์สร้างรายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ โดยผู้พิการก็คือคนปกติ โดยสิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุดคือโอกาส เพื่อให้พวกเขาเหล่านั้นสามารถกลับสู่สังคมอย่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และสามารถดำรงชีวิตประจำวันใกล้เคียงบุคคลปกติให้ได้มากที่สุด
- “ผลิตนักบริบาล ทำงานใกล้ชิดชุมชน”
นพ.วิชัย อัศวภาคย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของการส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรทางการแพทย์เกิดจากปัญหาการขาดแคลนบุคลากรสาธารณสุข โรงพยาบาลน้ำพองจึงทดลองรูปแบบการพัฒนาคน โดยใช้โครงสร้างของพยาบาลชุมชน เพื่อชุมชน ของชุมชน
โดยชุมชน ด้วยการจัดหาทุนส่งเสริมเพื่อเพิ่มกำลังสำคัญในการให้บริการทางการแพทย์แก่ประชาชนอย่างทั่วถึง เช่น การส่งเสริมศักยภาพนักกายภาพบำบัด รวมถึงขยายหน่วยการรักษาที่สำคัญออกสู่พื้นที่ชุมชนมากขึ้น เช่น ศูนย์ตรวจผ่าตัดต้อกระจก ศูนย์ฟอกไต ควบคู่ไปกับงานเสริมสร้างสุขภาพและป้องกันโรคด้วยนักบริบาลชุมชนเพราะถ้าหากได้คนดีมีคุณภาพในปริมาณที่มากพอเข้ามาทำงาน ย่อมจะช่วยสนับสนุนระบบสุขภาพที่มีประสิทธิภาพ ต่อยอดให้ประชาชนมีสุขภาวะที่ดีทั้งทางกาย ทางใจ ทางสังคม และทางปัญญา
- “ดูแลทุกคน ทุกเชื้อชาติด้วยมาตรฐานเดียวกัน”
นพ.วรวิทย์ ตันติวัฒนทรัพย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุ้มผาง จังหวัดตาก กล่าวว่า โรงพยาบาลอุ้มผางคือที่พึ่งของชาวบ้านยามเจ็บป่วยราว 73,000 กว่าชีวิตในแต่ละปี แต่ขณะเดียวกันมากกว่าครึ่งของประชาชนเหล่านั้นมีสถานะเป็นบุคคลไร้สัญชาติ เราจึงทำงานเชิงรุกเพื่อผลักดัน พ.ร.บ. หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้ครอบคลุมบุคคลไร้สัญชาติในประเทศไทย เพื่อให้ชาวบ้านเข้าถึงการรักษาที่มีคุณภาพพร้อมแก้ไขปัญหาโรคติดต่อในพื้นที่เพื่อลดการแพร่กระจายเข้าสู่พื้นที่ในเขตเมือง รวมถึงยังส่งเสริมการดูแลปัญหาเชิงพื้นที่ได้อย่างเป็นรูปธรรม
- ชวนบริจาค ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสในชุมชน
น.ส.พรรณสิรี คุณากรไพบูลย์ศิริ ผู้จัดการมูลนิธิรามาธิบดีฯ เผยว่า โครงการนี้ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจเพราะครั้งนี้มูลนิธิรามาธิบดีฯ ได้ทำหน้าที่เป็นสะพานบุญเชื่อมน้ำใจของผู้ให้ไปช่วยเหลือผู้คนที่อยู่ห่างไกล ดังปณิธานที่ว่า #คำว่าให้ไม่สิ้นสุด เงินที่ท่านบริจาคให้โครงการรามาธิบดีเพื่อโรงพยาบาลชุมชนไม่เพียงแต่เป็นการช่วยเหลือเรื่องการรักษาผู้ป่วยเท่านั้น แต่ยังช่วยครอบครัวให้เข็มแข็ง สร้างอาชีพให้ผู้พิการ สร้างความรู้เป็นเกราะป้องกันโรค และที่สำคัญช่วยให้โรงพยาบาลชุมชนมีความคล่องตัวในการดำเนินงานเพื่อเป็นที่พึ่งของชุมชนในการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป
โครงการรามาธิบดีเพื่อโรงพยาบาลชุมชน เปรียบเสมือนแรงผลักดันที่จะช่วยพัฒนาในชุมชนให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยได้นำหนึ่งในเรื่องราวจริงของชีวิตผู้ป่วยที่ได้รับความช่วยเหลือจากโรงพยาบาลชุมชนมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ภาพยนตร์ประชาสัมพันธ์สะท้อนให้เห็นถึงผลของการให้…ได้อะไรมากกว่าที่คุณคิด พร้อมเชิญคนไทยร่วมบริจาค โครงการรามาธิบดีเพื่อโรงพยาบาลชุมชน เพื่อส่งต่อความช่วยเหลือแก่คนในชุมชนชนที่อยู่ห่างไกลทั่วประเทศ