โควิด-19 "โอมิครอน" อาจกลายพันธุ์ในร่างกาย ถ้าปล่อยติดเชื้อตามธรรมชาติ

รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เผยเหตุผล 3 ข้อกับประเด็นที่ว่า "อาการโอมิครอน" ไม่ร้ายแรง ปล่อยให้ติดเชื้อตามธรรมชาติมากๆจะได้มีภูมิวงกว้างและช่วยหยุดการระบาดของ "โควิด-19" ได้เร็ว ชี้อาจเปิดโอกาสให้ไวรัสกลายพันธุ์ไปอีก

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

- ยอดโอมิครอนสะสม 2,338 ราย 5 จังหวัดแพร่เชื้อในพื้นที่

- กรมควบคุมโรค ย้ำใครฉีดเข็ม 2 ก่อน 1 พ.ย.รีบไป "ฉีดวัคซีนเข็ม 3" ต้านโอมิครอน

- โควิด-19 "โอมิครอน" ไม่อยากติดก็ยังติดได้ แล้วต้องทำอย่างไร?

โดย รศ.นพ.นิธิพัฒน์ ได้พูดถึงประเด็นโควิด-19 "โอมิครอน" บอกว่าสำหรับความเห็นที่ว่า โอมิครอนไม่ร้ายแรง ดังนั้นปล่อยให้ติดเชื้อตามธรรมชาติมากๆ จะได้มีภูมิวงกว้างและช่วยหยุดการระบาดของโควิด-19 ได้เร็ว ผมไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ด้วยเหตุผล 3 ข้อ

1.แม้ว่า "โอมิครอน" จะรุนแรงน้อยกว่าเดลตาราวครึ่งหนึ่ง คืออัตราป่วยรุนแรง/วิกฤติราว 2-3% แต่ถ้าคนป่วยหนักนั้นเป็นคนที่เรารักและเราเอาเชื้อมาติดเขาหรือเป็นตัวเราเอง จะไม่เสียใจหรือ?

2. การติดเชื้อตามธรรมชาติโดยไม่มีภูมิบางส่วนต่อสู้ไวรัสไว้ จะเปิดโอกาสให้ไวรัสกลายพันธุ์ในตัวเราได้ โคโรนาไวรัสส่วนใหญ่มาจากสัตว์ เราอาจได้รับมาผสมกับไวรัสนำโควิดในตัวเราทุกเมื่อ

3.คนป่วยซึ่งไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย ก็เกิดกลุ่มอาการลองโควิดได้ แม้โอกาสจะน้อยกว่าคนที่อาการรุนแรง ล่าสุดทีมนักวิจัยจากเดนมาร์ก ติดตามผู้ที่เคยมีการตรวจสมรรถภาพปอดไว้ก่อนป่วย พอป่วยแล้วแม้จะไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย เมื่อร่างกายหายดีแต่พบมีการถดถอยของสมรรถภาพปอดไปจากเดิม เราอยากจะเป็นเช่นนั้นกันหรือ?

ล่าสุด (5 ม.ค.2565) พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เผยยอดผู้ติดเชื้อโควิด โอมิครอน สะสมแล้ว 2,338 รายพบใน 55 จังหวัด ซึ่งมีผู้ติดเชื้อและแพร่ในจังหวัดแล้ว 5 จังหวัด ได้แก่ กทม. กาฬสินธุ์ ชลบุรี ร้อยเอ็ด และ สมุทรปราการ ในจำนวนสะสมของโอมิครอนพบว่า 50% เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ และ 50%ติดจากผู้เดินทางจากต่างประเทศหรือวงที่ 2