"หลวงปู่ติช นัท ฮันห์" กับคำสอนที่นำมาใช้กับชีวิตได้เสมอ
ย้อนหลักคำสอนหลวงปู่ "ติช นัท ฮันห์" ที่ได้มรณภาพในวัย 95 ปี เมื่อเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 22 ม.ค.2022 ที่วัดในเมืองเว้ของเวียดนาม
ย้อนหลักคำสอนหลวงปู่ "ติช นัท ฮันห์" ที่ได้มรณภาพในวัย 95 ปี เมื่อเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 22 ม.ค.2022 ที่วัดในเมืองเว้ของเวียดนาม ซึ่งนักบวชผู้พูดได้ 7 ภาษาด้วยความที่คำสอนของท่านนั้นเรียบง่ายและลึกซึ้ง สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ ทำให้มีคนศรัทธาอย่างมากมาย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- หลวงปู่ ‘ติช นัท ฮันห์’ มรณภาพในวัย 95 ปี
"ติช นัท ฮันห์" มีชื่อเดิมว่า เหวียน ซวน เบ่า เกิดเมื่อปี พ.ศ.2463 บวชเป็นสงฆ์ในช่วงที่โฮจิมินห์ เป็นผู้นำปลดปล่อยเวียดนามออกจากเจ้าอาณานิคมฝรั่งเศส เคยบรรยายที่มหาวิทยาลัยพรินซ์ตันและโคลัมเบียในสหรัฐช่วงต้นทศวรรษ 60
เมื่อ "ติช นัท ฮันห์" กลับประเทศเวียดนามเมื่อปี พ.ศ.2506 ได้ร่วมกับพระสงฆ์พุทธฝ่ายค้านที่กำลังต่อต้านสงครามเวียดนามมากขึ้นทุกขณะถึงขนาดที่พระสงฆ์หลายรูปประท้วงพลีชีพ
ติช นัท ฮันห์ เขียนไว้เมื่อปี 2518 ว่า "ข้าพเจ้าเห็นคอมมิวนิสต์และฝ่ายต่อต้านคอมมิวนิสต์ฆ่าและทำลายล้างกันเอง เพราะต่างฝ่ายต่างเชื่อว่าพวกเขาผูกขาดความจริงเพียงฝ่ายเดียว เสียงของข้าพเจ้าถูกกลบด้วยระเบิด ปืนครก และเสียงตะโกนก้อง"
"ติช นัท ฮันห์" คำสอนที่นำมาใช้กับชีวิตได้เสมอ
- ถ้าคนที่มาพูดกับเราใช้วาจาที่ทำร้ายผู้อื่นเราควรทำอย่างไร?
- ในระหว่างที่เราฟังด้วยความกรุณา เราจะตั้งใจรับฟังเพื่อให้เขาพูดอย่างเปิดใจ มีความทุกข์น้อยลง นี่คือการฟังอย่างลึกซึ้งด้วยหัวใจกรุณา ซึ่งมี 2 ประการคือ เราก็จะได้รับการปกป้องจากพลังของความกรุณา และจำไว้เสมอว่าเราต้องการให้คนๆนั้นพูดในสิ่งที่อยู่ในใจของเขา และถ้าเราสูญเสียความกรุณา เราก็ไม่ควรนั่งอยู่ตรงนั้นเพื่อที่จะรับฟัง ก็ให้บอกไปว่า ให้คุยกันในวันถัดไป เพราะเราต้องฝึกฟังด้วยความกรุณา
จุดประสงค์การรับฟังอย่างกรุณา คือ ให้คนๆ นั้นมีความทุกข์น้อยลง ถ้าคนๆ นั้นมีความทุกข์ เขาก็ไม่สามารถใช้วาจาแห่งรัก ในคำพูดจึงมีความโกรธ ความขมขื่น นั่นเป็นเหตุผลที่เราต้องรับฟังด้วยความกรุณา
- หากคนๆนั้นมีคำพูดที่เต็มไปด้วยการดูถูก ดูแคลน และสร้างความเจ็บปวด เราจะฝึกรับฟังและพูดอย่างมีกุศโลบายอย่างไร
- เราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนอีกฝ่าย การรับฟังอีกฝ่ายเป็นสิ่งที่เธอจำเป็นต้องฟัง ถ้าสามารถเห็นความทุกข์ในตัวเขา เธอก็สามารถรับฟังได้ ไม่ว่าจะวิธีใด ถ้าเธอรับฟังด้วยความกรุณาอีกฝ่ายหนึ่ง ก็จะเปลี่ยนวิธี
- ครูจะนำหลักธรรมมาใช้ในโรงเรียนอย่างไร หากผู้บริหารไม่เห็นด้วย
- เรามีวิธีมากมายที่จะนำคำสอนไปใช้ในโรงเรียน การฝึกเจริญสติไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องศาสนาอย่างเดียว เราสามารถปรับการสอนในห้องเรียนได้ อาจเริ่มต้นจากการตามลมหายใจอย่างมีสติ
ถ้าเรามีกุศโลบาย เราไม่ควรแสดงตนว่าเราเก่งกว่าครูคนอื่น ถ้าเรานำไปใช้ในการเรียนได้ การสอนก็จะดีขึ้น ยกตัวอย่าง การนำเรื่องการผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์ไปใช้ในห้องเรียน เราก็จะได้รับผลในทางที่ดี และเราควรหาเวลาสนทนากับครูคนอื่น และผู้บริหารว่าจะทำให้การเรียนการสอนดีขึ้นอย่างไร
ถ้าครูมีการฝึกปฏิบัติด้วยวิถีแห่งสติ ทั้งการเดิน นั่ง ยิ้มอย่างมีสติ คุณครูก็จะได้รับการชื่นชม ลองจินตนาการดู ถ้าเรามีครูสักคน เมื่อจอดรถแล้วเดินด้วยวิถีแห่งสติมาทำงานด้วยความเบิกบาน ยิ้ม คุณครูคนนั้นจะมีสัมพันธภาพที่ดี การฝึกสติได้เพิ่มประสิทธิภาพของการเรียนการสอนได้ด้วย
- เมื่อปฏิบัติเจริญสติแล้ว จะรักษาจิตใจ เพื่อรับมือกับความโกรธอย่างไร
- การปฏิบัติที่ดี ไม่ควรบังคับมากเกินไป จะทำให้เรามีความทุกข์ เนื่องจากพระธรรมมีความงดงามในเบื้องต้น เบื้องกลางและเบื้องสูง และเราไม่มีหนทางไปสู่ความสุข ความสุขคือหนทาง ไม่มีหนทางไปสู่นิพพาน เพราะนิพพานคือหนทาง ถ้าเธอมีความทุกข์ นั่นก็ไม่ใช่การปฏิบัติที่ดี เราต้องเบิกบานในการปฏิบัติก่อน
- ถ้าจะฝึกปฎิบัติที่จะรักคนที่ทำร้ายเรา ควรทำอย่างไร
- ถ้าคุณพ่อของเรามีความทุกข์ แล้วไม่รู้วิธีรับมือ เขาก็จะส่งทอดความทุกข์ให้เรา ถ้าเรามองเข้าไปในตัวเรา เราก็จะเห็นความทุกข์ของคุณพ่อในตัวเรา เรียกว่า สังสารวัฏ เพราะเราคิดว่าคุณพ่ออยู่นอกตัวเรา นั่นไม่ใช่ความจริง
คุณพ่ออยู่ในตัวเรา ความสุขและความทุกข์มีอยู่ในทุกเซลล์ของร่างกาย ถ้าเราไม่รู้วิธีแปรเปลี่ยนความทุกข์ในตัวเรา เราควรเปลี่ยนแปลงคุณพ่อที่อยู่ในตัวเรา เราคือผู้สืบทอด เรากำลังนำคุณพ่อในตัวเราเข้าไปสู่อนาคต