หนุนปลูกกัญชงแทนพืชเชิงเดี่ยว หวังช่วยลดปัญหาหมอกควัน PM2.5
ภาครัฐและเอกชนร่วมสนับสนุนเกษตรกรในภาคเหนือปลูกกัญชง ทดแทนการปลูกพืชเชิงเดี่ยว หวังช่วยลดปัญหาหมอกควัน PM2.5 และไฟป่า พร้อมอบรมวิสาหกิจชุมชน 80 แห่ง ในภาคเหนือสนใจปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ทำรายได้ดีกว่าปลูกพืชเชิงเดี่ยว
เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2565 ดร.สุมิตร อธิพรหม คณะทำงานติดตามและให้ข้อเสนอแนะเรื่องฝุ่นละออง (Pm2.5) และไฟป่า ในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ (ตอนบน) เปิดเผยว่า ในช่วงระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา พบว่าประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ ต้องเผชิญกับปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 และไฟป่า มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยตรงต่อประชาชนในพื้นที่ สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดหมอกควันและไฟป่า คือการเผาเศษซากของพืชเชิงเดี่ยวที่เกษตรกรในภาคเหนือนิยมปลูก เพื่อนำไปผลิตอาหารสัตว์
จึงมีแนวคิดที่จะหาพืชเศรษฐกิจอื่นเข้ามาทดแทน เพื่อให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนการผลิต โดยต้องมีรายได้จากการเพาะปลูก และมีตลาดรองรับ จึงได้นำเสนอ โครงการสนับสนุนให้เกษตรกรจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนเพื่อปลูกพืชกัญชง เพื่อหวังจะช่วยลดปัญหาหมอกควันและไฟป่า และจะเป็นสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรได้อย่างยั่งยืน เนื่องจากกัญชงเป็นพืชที่สามารถนำทุกส่วนของต้นมาใช้ประโยชน์ได้ จึงไม่เหลือเศษซากที่ต้องกำจัดด้วยวิธีการเผา เหมือนการปลูกพืชเชิงเดี่ยว
ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาสายพันธุ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเกษตรกรที่ปลูกมากที่สุด รวมไปถึงการศึกษาด้านการตลาด หากสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกแล้วต้องมีตลาดรับซื้ออย่างยั่งยืน โดยเฉพาะสาร CBD ซึ่งเป็นสารสกัดจากกัญชง ซึ่งไม่มีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาท การบริโภคผลิตภัณฑ์ที่มีสารCBD จึงไม่ทำให้เกิดอาการเคลิบเคลิ้มและจิตใจเลื่อนลอย โดยส่วนใหญ่สาร CBD จะถูกนำไปใช้ในการรักษาโรคและบรรเทาอาการเจ็บป่วย ซึ่งต้องมีการกำหนดแผนการตลาดอย่างชัดเจนจึงจะได้รับการอนุญาตให้ปลูกได้ โดยขณะนี้ได้ประสานกับ บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) ให้เข้ามาช่วยสนับสนุนในโครงการให้เกษตรกรปลูกกัญชง เพื่อลดปัญหาหมอกควัน
ขณะเดียวกันทางโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนในภาคเหนือตอนบน ได้เห็น ความสำคัญกับการสนับสนุนให้เกษตรกรในภาคเหนือมีรายได้เพิ่มขึ้นพร้อมไปกับการลดการเผาเศษซากพืชเชิงเดี่ยวที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาหมอกควันและไฟป่า จึงได้ทำการอบรมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนจำนวน 80 แห่งในเขตภาคเหนือตอนบน พื้นที่ประมาณ 200 ไร่ ที่ให้ความสนใจและมีความพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนจากการปลูกพืชเชิงเดี่ยวมาปลูกกัญชงพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ ที่จะสร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้กับเกษตรกร ถือเป็นกลุ่มเกษตรกรนำร่องที่จะทำการปลูกกัญชงเพื่อให้เป็นพืชเศรษฐกิจ
สำหรับราคากลางปัจจุบันของช่อกัญชงแห้ง ราคาอยู่ระหว่างกิโลกรัมละ 7,000 – 50,000 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพและความสมบูรณ์ของช่อดอก ส่วนราคาใบกัญชงแห้งราคาอยู่ระหว่าง กิโลกรัมละ 300 -15,000 บาท ซึ่งหากเป็นกัญชงที่ปลูกในโรงเรือนจะมีราคาสูงกว่าที่ปลูกนอกโรงเรือน ขณะที่ราคาต้นสดกิโลกรัมละ 20บาท ต้นแห้งกิโลกรัมละ80-100 บาท เส้นใย ราคากิโลกรัมละ 1,000 บาท ซึ่งทุกชิ้นส่วนของต้นกัญชงสามารถที่จะนำมาจำหน่ายได้ และเชื่อว่าจะได้ราคาดีกว่าการปลูกพืชเชิงเดี่ยวที่เกษตรกรทำการเพาะปลูกอยู่ในปัจจุบัน