Vecchia Romagna บรั่นดีจากอิตาลี กับส่วนผสมที่ลงตัวและกรรมวิธีสุดประณีต
ทำความรู้จัก "Vecchia Romagna" (เวคเคีย โรมัญญา) บรั่นดีจากอิตาลีที่ผสมผสานองุ่นชั้นดีและกรรมวิธีการผลิตสุดประณีตไว้อย่างลงตัว
อิตาลี ขึ้นชื่อในเรื่องการผลิตไวน์ชั้นดีจากองุ่นพันธุ์พื้นเมืองที่ปลูกกันมานานกว่าพันปี และกาแฟแบบเอสเปรสโซ (espresso) ด้วยเครื่องชงอันซับซ้อนที่พิสูจน์ฝีมือช่างของคนแดนมะกะโรนี แต่คนไทยหลายคนอาจยังไม่รู้ว่าอิตาลียังมีดีเรื่องบรั่นดีที่โด่งดังไปทั่วโลก ด้วยการถ่ายทอดศาสตร์และศิลป์ของการผลิตไวน์องุ่น ผสมผสานทักษะช่างฝีมือออกมาในรูปเครื่องดื่มสีทองอำพัน
สาเหตุที่ บรั่นดี จากอิตาลีได้รับความนิยมไปทั่วโลก ต้องเข้าใจก่อนว่าไวน์ กับคนอิตาเลียน มีประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกันจนแยกไม่ออก ย้อนกลับไปได้นานหลายพันปี ตั้งแต่ชาวโรมันโบราณได้นำพันธุ์องุ่นและเทคนิคการผลิตมาพัฒนาในแบบตัวของเอง ซึ่งได้สภาพภูมิอากาศที่เหมาะสม และความอุดมสมบูรณ์ของดินแดนรูปรองเท้าบูทที่ช่วยให้องุ่นงอกงามได้อย่างดีเยี่ยม
เมื่อวัตถุดิบชั้นดีถูกนำมาผ่านกระบวนการที่ละเมียดในทุกขั้นตอนของคนอิตาเลียน ไม่แปลกใจเลยที่บรั่นดีอิตาลีจะได้รับการยอมรับไม่ต่างจากไวน์ เพราะยังคงทั้งกลิ่น และรสสัมผัสอันเป็นเอกลักษณ์ที่บ่งบอกถึงคุณภาพวัตถุดิบตั้งต้นก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นไวน์ โดยบรั่นดีชั้นดีจะถูกผลิตจากองุ่นแท้ ๆ ที่หมักให้เป็นไวน์ แล้วไปผ่านกระบวนการกลั่นแบบพิเศษ ก่อนจะบ่มในถังไม้โอ๊กเพื่อให้ได้กลิ่นสี และรสชาติที่ซับซ้อนลงตัว
ด้วยกระบวนการผลิตที่อาศัยปัจจัยหลายอย่างทั้งวัตถุดิบคุณภาพดี และกรรมวิธีที่ประณีต ทำให้ Vecchia Romagna (เวคเคีย โรมัญญา) เป็นที่ขึ้นชื่อจากความลงตัวของความชำนาญในการผลิตไวน์องุ่นชั้นดี และความเชี่ยวชาญทางด้านฝีมือช่างที่ไม่เป็นรองใคร
ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1820 master blender ของ Vecchia Romagna ทำตามกรรมวิธิการผลิตเฉพาะของตระกูลบูตอง (Buton) เพื่อสร้างเครื่องดื่ม brown spirit ที่มีระดับอันเป็นผลลัพธ์ของประสบการณ์หลายศตวรรษ
กระบวนการผลิตของ Vecchia Romagna เริ่มต้นจากการนำองุ่น เช่น พันธุ์ Trebbiano (เตรบเบียโน) องุ่นขาวที่โดดเด่นในเรื่องความสดชื่น หรือแอซิดิตี (acidity) ที่สามารถหมักเป็นไวน์ที่มีความใส และรสชาติที่สดชื่น
ไวน์ที่ได้จะถูกนำมากลั่นพิเศษที่ผสมผสานทักษะฝีมือช่างอิตาเลียน โดยเป็นการกลั่นสองขั้นตอน ขั้นตอนแรกจะทำการกลั่นด้วยวิธีดั้งเดิมโดยใช้หอกลั่นทองแดง (charentais alembic) ที่สืบทอดวิธีการจาก ฌอง บาตอง (Jean Buton) ผู้ก่อตั้งที่มีต้นกำเนิดในแคว้นคอนญัก ประเทศฝรั่งเศส แล้วได้นำเทคนิคนี้มาใช้ครั้งย้ายมาตั้งรกรากที่ดินแดนแถบนี้
ในขั้นตอนนี้จะให้ความร้อนแก่ไวน์นานกว่า 8 - 10 ชั่วโมงเพื่อแยก "หัวใจ" (heart) ซึ่งเป็นส่วนที่ดีที่สุดของสปิริต หรือสุราจากการกลั่นไวน์ออกมาอย่างช้าๆ จากส่วนที่เป็นหัวและหาง วิธีกลั่นแบบไม่ต่อเนื่องนี้เองที่จะช่วยดึงกลิ่นอโรมาของไวน์ออกมาให้มีกลิ่นหอมที่กลมกล่อมได้ยาวนาน จากนั้นเป็นการนำหัวใจที่ได้ไปกลั่นต่อในหอกลั่นแบบคอลัมน์ (column still distillation) ที่มีความซับซ้อนแต่ให้ความต่อเนื่องเพื่อเพิ่มความบริสุทธิ์ และนุ่มลึกให้กับสปิริตไปอีกขั้น
ขั้นตอนต่อไปเป็นการบ่ม (ageing) ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สร้างความเฉพาะให้กับบรั่นดี โดย Vecchia Romagna ใช้ถังไม้โอ๊กสองแบบในการบ่ม เพื่อให้ได้สี และกลิ่นหอม รวมทั้งรสชาติซับซ้อนอันเป็นเอกลักษณ์ ขั้นแรกเป็นการบ่มในถังบาริก (barrique) ที่นิยมใช้ในการทำไวน์ในบอร์โดซ์ โดยใช้ถังโอ๊กจากฝรั่งเศสขนาด 400 ลิตร ทิ้งไว้นานมากกว่า 1 ปี เพื่อสร้างกลิ่นหอมวานิลาเข้มข้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเปลี่ยนไปพักในถังไม้โอ๊กสโลเวเนียนชั้นดีขนาด 4,000 - 5,000 ลิตร ที่จะเปลี่ยนน้ำแห่งชีวิตให้เป็นบรั่นดีที่ละมุนอย่างช้าๆ ท่ามกลางอากาศอันบริสุทธิ์ในแถบชนบทของเมืองโบโลญญาอันเงียบสงบ
หลังจากบ่มจนได้ที่ การเดินทางของน้ำสีอำพันยังไม่สิ้นสุดลง เพราะก่อนจะถูกบรรจุลงในขวดทรงสามเหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Vecchia Romagna บรั่นดีเหล่านี้ต้องผ่านกระบวนการผสม (blending) ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญ จากความท้าทายในกระบวนการนี้อยู่ที่ทักษะการผสมผสานเพื่อให้ Vecchia Romagna แต่ละหยดยังคงรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะไม่ต่างจาก Vecchia Romagna ที่เริ่มผลิตครั้งแรกเมื่อสองศตวรรษที่แล้ว
จากการหมักองุ่นชั้นดี กระบวนการกลั่นสุดประณีตไปจนถึงการบ่มในอย่างช้าๆ และการเบลนดิ้งอย่างพิถีพิถัน ที่เปลี่ยนไวน์คุณภาพดีให้เป็น Vecchia Romagna จึงจำเป็นต้องมีขั้นตอนที่ถูกต้องในการลิ้มรสเพื่อให้เข้าถึงเอกลักษณ์ของบรั่นดีได้มากที่สุด ทั้งการเลือกแก้วที่เหมาะสม และวิธีการดื่มที่ดึงความพิเศษของ Vecchia Romagna แต่ละรุ่นออกมาได้มากที่สุด
- Vecchia Romagna Classica (คลาสสิกคา)
Vecchia Romagna Classica (คลาสสิกคา) มีต้นกำเนิดจากการคัดสรรไวน์ชั้นเลิศ การกลั่นแบบ column still distillation ผ่านกระบวนการบ่มในถังไม้โอ๊กสลาโวเนียนกว่า 2 ปี จนได้บรั่นดีสีเหลืองอำพันที่มีความโปร่งใสเป็นพิเศษ มีรสชาติที่จัดจ้านอบอวล กระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกที่สมดุล พร้อมรสของกลิ่นลูกพลัมสุก ซึ่งผสมผสานเข้ากับผิวเปลือกส้มแห้งที่ยังคงค้างอยู่ในคอ และมีเปรี้ยวเล็กน้อย แฝงกลิ่นหอมหวานของวานิลลาไปจนถึงอัลมอนด์พร้อมด้วยกลิ่นของชะเอม
Vecchia Romagna Classica ผ่านการกลั่นครั้งเดียว จึงเหมาะอย่างยิ่งกับการดื่มแบบเพียว (Neat) หรือจะเป็น on the rock เพื่อให้กลิ่นรสที่เด่นชัดขึ้น ด้วยการใส่น้ำแข็งไว้ในแก้ว แล้วเทบรั่นดีตามลงไปให้ความอุ่นปะทะความเย็นของน้ำแข็งบริสุทธิ์จนปลดปล่อยกลิ่นออกมา การใช้แก้วควรเป็นแก้วบรั่นดีทรงเตี้ยที่เต็มอุ้งมือให้ความอุ่นจากร่างกายช่วยขับความหอมของ Vecchia Romagna Classica อีกทางหนึ่ง
- Vecchia Romagna Etichetta Nera (เอติเค็ตตา เนรา)
Vecchia Romagna Etichetta Nera (เอติเค็ตตา เนรา) ผลผลิตจากกระบวนการกลั่นแบบดั้งเดิมและการกลั่นแบบเสาคู่ บ่มสองครั้งใน French oak barriques และถังไม้โอ๊กสลาโวเนียน นานกว่า 5 ปี เป็นที่มาของบรั่นดีอิตาลีสีทอง แกมทองแดง ที่ลงตัวด้วยกลิ่นหอมของผลไม้เมืองร้อน เช่น มะละกอ สับปะรดผสมกับเครื่องเทศ วานิลลา กานพลู และอบเชย รวมทั้งกลิ่นหอมที่โดดเด่นของวานิลลา และอัลมอนด์ เมื่อรวมกับลูกแพร์อบคาราเมลจะให้กลิ่นที่หรูหรา ให้รสชาติที่มีความเย้ายวน ซับซ้อน หวาน เช่น วานิลลาและคาราเมลโดดเด่น พร้อมจบด้วยความร้อนแรงของกานพลู
Vecchia Romagna Etichetta Nera มีสีที่เข้มเหมาะทั้งการดื่มแบบเพียวๆ หรือผสมสปาร์คกลิ้งมิเนรัลช่วยเพิ่มความสดชื่น ไปจนถึงใช้ผสม cocktail หลากหลายเมนู ทั้ง Highball Soda, Old fashion, Manhattan, Piaggio Vesper Sidecar หรือ Black Collins ก็ยังคงให้ความหอมที่โดดเด่นในแบบ Vecchia Romagna Etichetta Nera
- Vecchia Romagna Riserva Tre Botti (ริเซอวา เตร บอตติ)
Vecchia Romagna Riserva Tre Botti (ริเซอวา เตร บอตติ) ผลงานการสร้างสรรค์จาก Master Blender มือเบลนด์ผู้รักษาเอกลักษณ์ให้กับ Vecchia Romagna อย่างระมัดระวังเป็นเวลาหลายปี จากการผสมผสานที่นอกจากบ่มสองครั้งใน French oak barriques และถังไม้โอ๊กสลาโวเนียน แล้วยังผ่านการบ่มนานกว่า 15 ปี ในถัง Tonneaux ที่เคยใช้สำหรับไวน์แดงชั้นดีของอิตาลีที่จะให้กลิ่นที่นุ่มนวลและหรูหราเป็นพิเศษ
Vecchia Romagna Riserva Tre Botti มีสีอำพันที่โดดเด่น และสดใส อัดแน่นด้วยกลิ่นถั่ว โดยเฉพาะเฮเซลนัท ผสมผสานกับกลิ่นหอมหวานของอบเชยและผลไม้เมืองร้อน ให้รสสัมผัสที่ละมุนนุ่มนวล และสมดุล ด้วยการผสมผสานระหว่างกลิ่นไม้ของไม้โอ๊กและเฮเซลนัทที่คั่วเข้ากับกลิ่นหอมหวาน และผลไม้ของอัลมอนด์วานิลลา ลูกเกด และผลไม้เมืองร้อน พร้อมกลิ่นอบเชยและกานพลูได้อย่างลงตัว
บรั่นดีที่ผ่านการบ่มสามครั้งนี้ คู่ควรกับการดื่มแบบนี้ทด้วยแก้วบรั่นดีคุณภาพเยี่ยม ที่จะดึงความหอมที่ซับซ้อนของไม้โอ๊กออกมาได้อย่างน่าทึ่ง แต่การใช้เป็นส่วนผสมหลักใน cocktail ก็ช่วยสร้างความโดดเด่นให้แต่ละแก้วมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแบบ Vecchia Romagna Riserva Tre Botti ได้อย่างไม่ยาก แต่ที่แนะนำคือ การดื่ม on the rock กับน้ำแข็งคุณภาพดีซึ่งจะช่วยเพิ่มความสดชื่น และขับกลิ่นหอมที่ละมุนลงตัวออกมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ
- Vecchia Romagna Riserva 18 (ริเซอวา 18)
Vecchia Romagna Riserva 18 (ริเซอวา 18) มีการรังสรรค์อย่างประณีต และการผสมผสานที่โดดเด่น มีอายุการบ่มอย่างน้อย 18 ปี ในถังไม้โอ๊กและจบการบ่มในถังที่เคยถูกใช้ในการผลิตไวน์ Amarone della Valpodicella ไวน์แดงของอิตาลี ผลผลิตการรอคอยไม่น้อยกว่า 18 ปี ช่วยเปลี่ยนจากบรั่นดีชั้นเลิศ ให้เป็นบรั่นดีที่คู่ควรอย่างยิ่งกับการดื่มฉลองในโอกาสสุดพิเศษ
ด้วยระยะเวลายาวนานของ ริเซอวา 18 ในถังไม้โอ๊กชั้นดี ช่วยเพิ่มสีทองอำพันแกมสีไม้มะฮอกกานีที่สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นสดใส อัดแน่นไปด้วยกลิ่นเครื่องเทศทั้งใบยาสูบผสมผสานกับผลไม้แห้งอย่างวอลนัท และมะเดื่อฝรั่ง การบ่มในถังที่เคยถูกใช้ในการผลิตไวน์ Amarone della Valpodicella ทำให้ ริเซอวา 18 เต็มไปด้วยรสชาติสุดซับซ้อนแต่ยังคงเข้ากันอย่างลงตัว โดยเฉพาะสัมผัสแทนนิน (Tannin) ให้ความรู้สึกถึงไวน์ชั้นดีก่อนเปลี่ยนมาเป็นสุดยอดบรั่นดีอิตาลี แน่นอนว่าการดื่มด่ำกับ ริเซอวา 18 ไม่มีวิธีไหนดีไปกว่าการดื่มแบบนี้ทผ่านแก้วบรั่นดีชั้นดีที่ทำจากคริสตัลใสเพื่อสัมผัสความซับซ้อน และละเมียดไปกับสีทองประกายสดใสของริเซอวา 18 ไปพร้อมกัน
พบกับ Vecchia Romagna ด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่า 200 ปี ได้เดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ว