สรรพากรจัดเก็บ9เดือนเกินเป้า 5.6หมื่นล.
สรรพากรเผย ผลการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ดัน 9 เดือนแรก จัดเก็บเกินเป้า 5.6 หมื่นล้านบาท ช่วยรักษาเสถียรภาพ การคลังและสร้างความเป็นธรรม
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2562 กรมสรรพากรจัดเก็บภาษีได้รวม 1.47 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าประมาณการ 5.56 หมื่นล้านบาท หรือ 3.9% และสูงกว่าปีก่อน 1.15 แสนล้านบาท หรือ 8.5% เนื่องจากการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในกระบวนการทำงาน สร้างนวัตกรรมใหม่ การติดตามการยื่นแบบแสดงรายการภาษีโดยใช้ Data Analytics วิเคราะห์ข้อมูลการยื่นแบบเพื่อติดตามให้ผู้ประกอบการเสียภาษีสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง
นอกจากนี้ ยังบูรณาการข้อมูลภายในและภายนอกเชื่อมโยงไปยังหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อให้ทราบรายได้ที่แท้จริงของผู้ประกอบการ การให้ผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบมากขึ้นโดยการจัดทำบัญชีเดียว การส่งเสริมความสมัครใจในการเสียภาษีผ่านการประชาสัมพันธ์บริการดิจิทัล และการสร้างความเป็นธรรมในการเสียภาษี
ผลจัดเก็บตามประเภทภาษีสำคัญ ดังนี้ ภาษีเงินได้นิติบุคคล จัดเก็บได้ 4.45 แสนล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 1.17 หมื่นล้านบาท และสูงกว่าปีก่อน 8.6%จากการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาวิเคราะห์ความเชื่อมโยงของผู้ประกอบการ (Supply Chain) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี รวมถึงผลประกอบการของนิติบุคคลที่เพิ่มขึ้นในปีก่อน
-ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม จัดเก็บได้ 9.63 หมื่นล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายตามเอกสารงบประมาณ 5 หมื่นล้านบาท และสูงกว่าปีก่อน 87.4% จากการเร่งรัดติดตามจัดเก็บภาษีและผู้ประกอบการปิโตรเลียมมีผลการดำเนินงานดีขึ้นจากราคาน้ำมันในช่วงที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น
ภาษีธุรกิจเฉพาะ จัดเก็บได้ 4.61 หมื่นล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 1.42 พันล้านบาท และสูงกว่าปีก่อน 2.9% จากการโอนอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปีก่อน และในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2562
อากรแสตมป์ จัดเก็บได้ 1.2 หมื่นล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 427 ล้านบาท และสูงกว่าปีก่อน 6.3% จากการติดตามจัดเก็บภาษีจากการทำสัญญาและตราสารเพิ่มขึ้นตามโครงการลงทุนภาครัฐและเอกชน และการโอนอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี 2561 ถึงต้นปี 2562
เขากล่าวด้วยว่า ในช่วง 3 เดือนที่เหลือของปีงบประมาณ 2562 (ก.ค-ก.ย.) ผลจัดเก็บภาษีกรมสรรพากรได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว การนำเข้าและส่งออกลดลงจากสงครามการค้า ราคาน้ำมันที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ค่าเงินบาทแข็งค่า อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง การชะลอตัวของสินเชื่อและการบังคับใช้มาตรการควบคุมสินเชื่อบ้านหลังที่สอง
อย่างไรก็ตาม กรมสรรพากรจะเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในด้านต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น เพื่อให้การจัดเก็บภาษีมีความเป็นธรรมและเป็นไปตามเป้าหมายตามเอกสารงบประมาณ 2.0 ล้านล้านบาทต่อไป