'อนุทิน' ลั่นไม่ปล่อย 'นอมินีต่างชาติ' ฮุบพื้นที่ปลูก-จดสิทธิบัตรกัญชาในไทยแน่
"อนุทิน" ลั่นไม่ปล่อย "นอมินีต่างชาติ" ฮุบพื้นที่ปลูกกัญชาในไทยแน่ คนไทยต้องปลูก-ผลิตเอง ไม่ใช่เป็นลูกจ้าง ส่วนต่างชาติแค่รับซื้อ บอกสเปคความต้องการ พร้อมเข้ามาถ่ายทอดองค์ความรู้-เทคโนโลยี
เมื่อวันที่ 31 ก.ค.62 ที่รร.พูลแมน จ.ขอนแก่น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเป็นประธานเปิดงานประชุมวิชาการพัฒนางานประจำสู่งานวิจัย (R2R) ประจำปี 2562 เกี่ยวกับข้อกังวลที่จะมีนอมินีต่างชาติเข้ามาปลูกกัญชาในประเทศไทยว่า หากต่างชาติมีความต้องการที่จะสั่งซื้อผลิตภัณฑ์จากกัญชาของประเทศไทยเข้ามาเป็นพันๆล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐทำไมเราถึงจะไม่ต้อนรับ แต่ไม่ใช่ให้เขาเข้ามาปลูก คนไทยจะต้องเป็นคนปลูกและผลิตเอง ไม่ใช่เป็นลูกจ้างแล้วรับค่าจ้างในการปลูก โดยคนไทยจะเป็นผู้ผลิตเอง ส่วนต่างชาติต้องการสูตรแบบไหนก็บอกเรามา และหากมีองค์คงามรู้หรือเทคโนโลยีที่จะทำให้ได้ตามสูตรที่ต้องการก็เข้ามาถ่ายทอดให้คนไทย
"สิ่งที่จะไม่เกิดแน่ๆคือให้ต่างชาติเข้ามาแล้วครอบครองที่ดิน จดสิทธิบัตรกัญชาว่าสายพันธุ์นั้นเป็นของเขา คนไทยห้ามปลูก แบบนี้จะไม่มีวันเกิด เพราะคนไทยต้องเป็นคนปลูก ผลิตเอง ไม่ใช่รับแค่ค่าแรงในการจ้างปลูก" นายอนุทินกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความกังวลจากภาคประชาสังคมว่าจะมีการตั้งนอมินีต่างชาติมาปลูกกัญชาในไทย นายอนุทิน กล่าวว่า จะมีนอมินีได้อย่างไร เพราะต่างชาติจะเป็นคนซื้อจากเรา คนไทยจะเป็นคนปลูกและผลิต ไม่มีนอมินีแน่นอน เขาจะเป็นแค่ผู้ซื้อ ส่วนหาดเขาจะถ่านทอดเทคโนโลยีการผลิตให้ไทยทำได้ตามสูตรของเขาก็เป็นเรื่องดี
ต่อข้อถามมีความเป็นห่วงว่าจะมีการปล่อยให้ต่างชาติเข้ามาร่วมกับคนไทยในการครอบครองที่ดินแล้วปลูกกัญชาซ้ำรอยเหมือนข้าวที่จ.สุพรรณบุรี หรือกล้วยที่จ.เชียงราย นายอนุทิน กล่าวว่า การปลูกกัญชาต้องมีการควบคุมที่เข้มงวดกว่าการปลูกข้าวหรือกล้วยแน่นอน ซึ่งขณะนี้การปลูกยังต้องขออนุญาต.โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)อนุญาตให้มีการปลูกภายใต้การควบคุมอยู่แล้ว เช่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร องค์การเภสัชกรรม(อภ.) และกรมการแพทย์ที่ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าในส่วนของการให้ประชาชนปลูกจะแก้กฎหมายปลูกกัญชงก่อนหรือไม่เพราะง่ายกว่าแด้ให้ปลูกกัญชา นายอนุทิน กล่าวว่า หากเป็นการใช้ทางการแพทย์ จะเป็นกัญชงหรือกัญชาที่มีสารซีบีดี และทีเอชซีที่นำมาใช้ทางการแพทย์ได้ก็เกิดประโยชน์ทั้งสิ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้รับรายงานคนที่ได้รับผลกระทบจากการใช้น้ำมันกัญชาบ้างหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า แบบนั้นเป็นการใช้ใต้ดิน แอบใช้เอง แต่หากใช้ภายใต้การสั่งจ่ายของแพทย์และตามคำแนะนำ ตามความเหมาะสมเชื่อว่าจะเกิดประโยชน์ ส่วนที่เกิดเหจุน่าจะเป็นการใช้เอง โดยยังมีความรู้ ความเข้าใจที่น้อยอยู่
นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า อภ.จะมีการเร่งผลิตน้ำมันกัญชาขวดละ 5 มิลลิลิตร (ซีซี) ภายใน 5-6 เดือน ให้ได้จำนวน 1 ล้านขวด เพื่อนำมาใช้ในโรงพยาบาลสังกัด สธ. และจะขยายบริการออกไปมากขึ้นในอนาคต โดยประสานกับหน่วยงานต่างๆ ในการคลายล็อก ส่วนของแพทย์แผนไทยนั้น ภายใน 1-2 วันนี้ตนจะลงนามในระเบียบว่าด้วยการรับรองหมอพื้นบ้าน เพื่อให้หมอพื้นบ้านทั้ง 3,000 คนรวมถึงอ.เดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญได้เป็นหมอพื้นบ้าน และหากมีตำรับกัญชาที่อนุญาตแล้วก็จะสามารถนำมาใช้ดูแลประชาชนได้