ย้อนรอยคดี 'นวัธ' จ้างวานฆ่า ก่อนตัดสินประหารชีวิต
จากกรณีที่ศาลชั้นต้นจ.ขอนแก่นสั่งประหารชีวิต “นวัธ เตาะเจริญสุข” ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ฐานจ้างวานฆ่าปลัดอบจ.ขอนแก่น เมื่อ 6 ปีที่แล้ว จะกลายเป็น “จุดเริ่มต้นของจุดจบ” สำหรับนักการเมืองรายนี้หรือไม่
คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2556 มีคนร้ายได้ก่อเหตุสังหาร สุชาติ โคตรทุม อดีตปลัด อบจ.ขอนแก่น เสียชีวิตที่หน้าบ้านพัก หมู่บ้านจอมพล อ.เมือง จ.ขอนแก่น ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมคนร้ายได้ทั้งหมด 5 คน มี ด.ต.วีระศักดิ์ ชำนาญพล อดีต ผบ.หมู่ปราบปราม สภ.หนองเรือ ขอนแก่น (จำเลยที่1) พ.ต.ท.สมจิต แก้วพรม อดีตรองผกก. (ป) สภ.หนองเรือ (จำเลยที่ 2) ประพันธ์ ศรีพิลัย (จำเลยที่ 3) บุญช่วย จูงกลาง (จำเลยที่ 4) และปิยะพงษ์ มีกำปัง (จำเลยที่ 5)
ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษา เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2557 พิพากษาลงโทษ พ.ต.ท.สมจิต จำเลยที่ 2 จำคุกตลอดชีวิต ประพันธ์ จำเลยที่ 3 จำคุก 37 ปี 14 เดือน 30 วัน และยกฟ้อง ด.ต.วิระศักดิ์ จำเลยที่ 1, บุญช่วย จำเลยที่ 4 และปิยะพงษ์ จำเลยที่ 5
ทั้งนี้ ศาลวินิจฉัยว่า พ.ต.ท.สมจิต จำเลยที่ 2 และประพันธ์ จำเลยที่ 3 ได้ลงไปพูดคุยกับสุชาติ ผู้ตาย ก่อนจะได้ใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่ร่างสุชาติอีกหลายนัด เป็นการไตร่ตรองหรือเตรียมการในการที่จะมายิงผู้ตายไว้ก่อนหรือไม่
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การที่จำเลยขับรถมาขวางและลงมาพูดคุยกับผู้ตายก่อน อาจจะไม่ใช่เป็นลักษณะการเตรียมการที่จะมายิงผู้ตายให้ถึงแก่ชีวิตจึงยกประโยชน์ให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญาโดยจำเลยทั้งหมดได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาล
ต่อมา เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2559 ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาแก้ เป็นให้ลงโทษจำเลยทั้ง 5 คน ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และให้ลงโทษประหารชีวิตทั้งหมด แต่เนื่องจาก ด.ต.วีระศักดิ์ จำเลยที่ 1, ประพันธ์ จำเลยที่ 3, บุญช่วย จำเลยที่ 4 และปิยะพงษ์ จำเลยที่ 5 ได้ให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีของศาลจึงลดโทษเป็น 1 ใน 3 เป็นให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต
มีเพียงพ.ต.ท.สมจิต จำเลยที่ 2 เท่านั้นที่ศาลตัดสินลงโทษขั้นสูงสุดคือประหารชีวิต ซึ่งคดีนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลฎีกา
ก่อนหน้านี้ พนักงานสอบสวนได้มีพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปยังนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต 7 ขอนแก่นว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารสุชาติด้วย จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา “จ้างวานฆ่า” อดีตปลัดอบจ.ขอนแก่นอีกคดีหนึ่ง
ในเวลาต่อมา นวัธได้เดินทางเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและได้รับการประกันตัวออกไปสู่คดี จนล่าสุดอธิบดีอัยการภาค 4 ได้มีคำสั่งฟ้องในที่สุด
ในการอ่านคำพิพากษาวันนี้ (24 ก.ย.) ฝ่ายจำเลย คือ นวัธ พร้อมด้วยทนายความ รวมทั้งฝ่ายโจทก์ และพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ได้เดินทางมารายงานตัวต่อศาลเพื่อรับฟังคำพิพากษาที่ห้องพิจารณาคดีที่ 7 ของศาล จ.ขอนแก่น ศาลได้ใช้เวลาในการอ่านคำพิพากษาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยมีคำตัดสินประหารชีวิตนวัธและให้ชดใช้ค่าปลงศพเป็นเงิน 300,000 บาท
“ศาลชั้นต้นได้ตัดสินประหารชีวิตนายนวัธ เตาะเจริญสุข มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289 (4) จ้างวานฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยศาลมีพยานหลักฐานเชื่อได้ว่าจำเลยจ้างวานให้บุคคลทั้ง 4 นายสุชาติ โคตรทุม โดยมีพยานหลักฐานต่าง ๆ พยานหลักฐานยืนยันทางพยานบุคคล และการโทรศัพท์โดยปราศจากข้อสงสัยจึงตัดสินลงโทษประหารชีวิต” คำพิพากษาศาลชั้นต้นระบุ
พล.ต.ต.ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ ผบก.สส.ภ.4 ในฐานะเจ้าของสำนวนในสมัยที่ดำรงตำแหน่งพนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิประจำ ภ.จว.ขอนแก่น เปิดเผยว่า ศาลชั้นต้นได้พิจารณาพยานหลักฐานเป็นที่ปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลย คือ นวัธจ้างวานให้บุคคลทั้ง 4 ที่ถูกจับกุมและศาลได้ตัดสินไปก่อนหน้านั้นคือ ฆ่าอดีต ปลัด อบจ.ขอนแก่น ตามวัน และเวลา ที่เกิดเหตุจริง โดยมีพยานหลักฐานต่าง ๆ สอดคล้องกัน จึงทำให้เห็นถึงมูลเหตุจูงใจในการฆ่า อีกทั้งมีพยานทั้งพยานบุคคล นิติวิทยาศาสตร์ และทางโทรศัพท์
“ทั้งหมดเมื่อนำมาประมวลกันแล้วจึงปราศจากข้อสงสัย ศาลจึงมีคำตัดสินประหารชีวิตจำเลย แต่คดียังไม่ถึงที่สิ้นสุด เพราะฝ่ายจำเลยจะขออุทธรณ์ ซึ่งคำให้การของผู้ร่วมกระทำความผิดดังกล่าวที่ตำรวจและพนักงานอัยการได้สอบไว้ ศาลเชื่อว่าไม่ได้เป็นการปรุงแต่ง พยานจะมากลับคำในชั้นศาลก็ไม่ได้เป็นเหตุให้เชื่อ ขณะที่จำเลยสู้ในเรื่องของโทรศัพท์ ศาลได้พิเคราะห์ว่าไม่น่าที่จะเชื่อถือได้” พล.ต.ต.ไพโรจน์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากศาลอ่านคำพิพากษาแล้วเสร็จ ตำรวจศาลได้ควบคุมตัวนวัธไปยังห้องควบคุมตัวผู้ต้องหาบริเวณชั้น 1 ของศาลจ.ขอนแก่นทันที ขณะที่ทีมทนายความฝ่ายจำเลยอยู่ในขั้นตอนของการยื่นขอประกันตัว รวมทั้งเตรียมการยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลต่อไป
ก่อนหน้านี้ นวัธเพิ่งตกเป็นข่าวดัง หลังได้ก่อเหตุตบศีรษะ "ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร" ส.ส.มหาสารคาม พรรคเดียวกันภายในห้องทำงานของหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของพรรคใหญ่อย่างเพื่อไทย
ความขัดแย้งถึงขั้นทำร้ายร่างกายของคู่นี้คาดกันว่าปะทุมาตั้งแต่การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ระหว่างการพิจารณารายงานเรื่อง การขยายสัญญาสัมปทานทางด่วนและรถไฟฟ้า (บีทีเอส) ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญที่มี "วีระกร คำประกอบ" ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐเป็นประธาน ได้พิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว
ในการประชุมสภาฯครั้งนั้น นวัธได้ใช้สิทธิอภิปราย พร้อมระบุว่า “มีกรรมาธิการบางคนมีประโยชน์ส่วนได้เสีย” ทำให้ยุทธพงศ์ ในฐานะกมธ.วิสามัญฯ ตอบโต้อย่างดุเดือดว่า ถ้ามีหลักฐานให้ดำเนินคดีและเอาไปติดคุกเลย
นอกจากนั้น ยุทธพงศ์ยังกล่าวพาดพิงคดีอาญาที่นวัธมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยว่า “ในกรรมาธิการชุดนี้รับรองได้ว่าไม่มีใครคดโกง และไม่มีใครไปพัวพันกับคดีฆ่าคนตายด้วยครับ”