โคโรน่า ไม่ได้ติดต่อผ่านมองตา แต่สามารถติดทางเยื่อบุตา
กระทรวงสาธารณสุข ยันไม่สามารถติดต่อได้จากการที่มองตากัน แต่การจะติดเชื้อนั้นเกิดจากเมื่อผู้ติดเชื้อมีการไอหรือจาม แล้วมีละอองออกมาข้างนอก
ตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมเป็นต้นมา เรื่องที่น่ากังวลของคนทั่วโลกคือสถานการณ์ไวรัสโคโรน่า ข่าวจริงข่าวลวงมีเข้ามาให้รายวัน หนึ่งในนั้นคือ การได้รับเชื้อทางสายตาได้ โดยการมอง ทำให้ประชาชนแตกตื่นว่านอกจะใส่หน้ากากกันแล้ว เราต้องใส่แว่นตาด้วยจริงหรือ
ล่าสุดศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แชร์ข้อความผ่านทางเพจเฟซบุ๊คเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2563 ระบุว่า จากที่มีข่าวว่าเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ สามารถติดเชื้อผ่านดวงตานั้น ขอให้ข้อมูลว่าการติดเชื้อนั้น ไม่สามารถติดต่อได้จากการที่มองตากัน แต่การจะติดเชื้อนั้นเกิดจากเมื่อผู้ติดเชื้อมีการไอหรือจาม แล้วมีละอองออกมาข้างนอก ตกหล่นตามสถานที่หรือวัตถุต่างๆ และหากเรามีการนำมือไปสัมผัสแล้วนำมาจับหน้าหรือจับอาหารเข้าปาก ก็มีโอกาสได้รับเชื้อ หรือถูกคนอื่นจามใส่ หน้าระยะใกล้ ก็อาจเสี่ยงติดเชื้อ
ซึ่งอาการขอที่ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ คือมีไข้ ร่วมกับมีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก และเหนื่อยหอบ อย่างใดอย่างหนึ่ง และหากมีประวัติการเดินทางไปเมืองอู่ฮั่น ขอให้เข้ารับการรักษาโดยด่วน ส่วนวิธีการป้องกันเองสธ.ได้แนะนำให้ประชาชนรับประทานอาหารที่ปรุงสุก ใช้ช้อนกลาง หมั่นล้างมือด้วยน้ำสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจล และหลีกเลี่ยง การสัมผัส ใกล้ชิด กับผู้ที่มีอาการคล้ายเป็นไขหวัด มีการไอ มีน้ำมูก
นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า เชื้อไวรัสโคโรน่า เป็นเชื้อโรคติดต่อทางเดินหายใจ เชื้อจะอยู่ในเซลล์เยื่อบุทางเดินหายใจ การแพร่กระจายจะออกมาผ่านกับน้ำมูกน้ำลาย
โดยศาสตราจารย์ พอล เคลลัม ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสจาก Imperial College London ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว DailyMailUk ว่า หากผู้ติดเชื้อไอหรือจาม ไวรัสสามารถส่งผ่านจากท่อน้ำตาไปยังจมูกเพราะมีท่อเชื่อมต่อถึงกัน ไม่ใช่เพียงแค่ไวรัสโคโรน่าเพียงอย่างเดียว อาการป่วยจากไข้หวัดใหญ่หรือไวรัสอื่นๆ ที่ระบาดผ่านทางเดินหายใจก็สามารถติดเชื้อผ่านทางดวงตาได้เช่นกันหากสัมผัสกับสารคัดหลั่ง
สรุปคือไวรัสสามารถส่งผ่านจากท่อน้ำตาไปยังจมูกเพราะมีท่อเชื่อมต่อถึงกัน ดร. กวงฟา เป็นหัวหน้าแผนกเวชศาสตร์โรงพยาบาลกรุงปักกิ่งสรุปว่าถ้าให้นึกภาพง่ายๆ ตา หู จมูก คอ ปาก เป็นอวัยวะที่การทำงานเชื่อมต่อกันทั้งหมด หากเชื้อไวรัสเข้าเยื่อบุตา ลักษณะก็คงไม่ต่างจากเชื้อเข้าทางจมูกหรือปาก แต่! เปอร์เซ็นต์จะน้อยกว่าการสัมผัสโดยตรง (ทั้งนี้ต้องรอผลการวินิจฉัย)
โดยไวรัสโคโรน่า ไม่ได้เป็นโรคแรกที่สามารถติดเชื้อทางดวงตาได้เพราะ โรคเอดส์ ที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส HIV ก็สามารถติดติดเชื้อทางตาได้เหมือนกัน แต่มีโอกาสติดเชื้อค่อนข้างต่ำ ประมาณ 0.09 % หรือโรคหวัดก็สามารถติดเชื้อได้ และ มีเปอร์เซ็นต์น้อยเช่นเดียวกัน
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว การติดเชื้อทางดวงตา หรือ เยื่อบุตานั้นมีโอกาสน้อยกว่าทางอื่นๆ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ติดเชื้อเลย โดยเฉพาะเชื้อไวรัสที่ยังใหม่ในการศึกษาและทดลอง
ดังนั้นแล้ว องค์การอนามัยโลก และกรมควบคุมโรค จึงออกข้อแนะนำมีดังนี้
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีคนพลุกพล่าน
- อยู่ห่างจากคนที่ไอหรือจาม 180 เซนติเมตร เพื่อให้พ้นจากรัศมีน้ำลายและน้ำมูก
- สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ หรือต้องติดต่อกับผู้ที่มีอาการป่วย
- ไม่ทานเนื้อสัตว์ที่ไม่ปรุงสุก และหลีกเลี่ยงการสัมผัส ตลาดค้า หรือสินค้าจากสัตว์ป่า
- กินร้อน ช้อนกลาง อาหารปรุงสุก และไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
- หมั่นล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่อย่างน้อย 20 วินาที หรือใช้เจลล้างมือหรือแอลกอฮอล์
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งต่างๆในที่สาธารณะโดยเฉพาะบริเวณที่มีคนสัมผัสมาก
- ไม่นำมือมาสัมผัสดวงตา จมูก และปากหากไม่จำเป็น
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- หากมีอาการไข้ หรือระบบทางเดินหายใจมีปัญหา ให้รีบพบแพทย์โดยด่วนหรือโทรแจ้ง 1422 สายด่วนกรมควบคุมโรค เพื่อให้รถจากสถานพยาบาลมารับทันที
สำหรับใครที่กังวลว่าควรเพิ่มแว่นตาในการกันไวรัสโคโรน่านั้นทางองค์การอนามัยโลก และกรมควบคุมโรคยังไม่ออกมาแนะนำแต่อย่างใด แต่ถ้าใครอยากใส่ให้เข้าข่าย กันไว้ดีกว่าแก้ โดยเฉพาะประเทศไทยที่ได้ผลประโยชน์สองเด้งทั้งกันไวรัส กันแดด