ประวัติศาสตร์ ดอกเบี้ยไทย 1%
ล่าสุด กนง.มีมติปรับลดดอกเบี้ยนโยบายเหลือ 1.00% ต่อปี เห็นตรงกันว่าเศรษฐกิจไทยปี 2563 มีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าประมาณการเดิม จากหลายปัจจัยรุมเร้า หลักๆ คงหนีไม่พ้นการระบาดของไวรัสโคโรน่า ความล่าช้าของ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี และภัยแล้ง
การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 5 ก.พ.2563 มีมติเป็นเอกฉันท์หรือ 7 ต่อ 0 ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 1.25% เป็น 1.00% ต่อปี ให้มีผลทันที คณะกรรมการทั้ง 7 คน เห็นตรงกันว่าเมื่อประเมินเศรษฐกิจไทยในปี 2563 พบว่ามีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าประมาณการเดิมและยังต่ำกว่าระดับศักยภาพมากขึ้นมาก ปัจจัยหลักคือการระบาดของไวรัสโคโรน่า ความล่าช้าของ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี และปัญหาภัยแล้ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจและการจ้างงานที่เกี่ยวเนื่องจำนวนมาก บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจโลกที่ชะลอ ขณะเดียวกันเศรษฐกิจและกำลังซื้อภายในมีปัญหาเป็นแรงบวก กดดันเศรษฐกิจไทย
หากโฟกัสปัจจัยเสี่ยงที่สุดก็คือการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีน ได้ส่งผลต่อรายได้จากการท่องเที่ยวและการส่งออกของไทย จากนี้ไปยังต้องลุ้นให้การระบาดของไวรัสโคโรนาหยุดภายใน 3-6 เดือน เพราะหากกินระยะเวลานานกว่านี้ ความเสียหายอาจขยายวงกว้าง จำเป็นอย่างยิ่งในการแก้ปัญหาต้องบูรณาการ ไม่ใช่เป็นหน้าที่ของ ธปท.หรือกระทรวงการคลังเท่านั้น ในส่วนของรัฐบาลถือว่ามีส่วนสำคัญในการลดปัจจัยเสี่ยงโดยการทำงานเป็นทีม ไม่ใช่ปล่อยให้พรรคใดพรรคหนึ่งจับกลุ่มกระทรวงในสังกัดทำงานเพื่อคะแนนเสียงหรือเพื่อประโยชน์ในกลุ่มนายทุนของตน
ปัจจัยเพิ่มเติมของการหั่นดอกเบี้ย ยังมากจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มต่ำกว่าขอบล่างของกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อตลอดช่วงประมาณการ ด้านเสถียรภาพระบบการเงินเปราะบางเพิ่มขึ้นจากแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ในสถานการณ์เช่นนี้คณะกรรมการฯ เห็นว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องประสานความร่วมมือ ระหว่างมาตรการทางการเงินและมาตรการทางการคลัง เพื่อลดผลกระทบจากปัจจัยลบที่รุมเร้า สนับสนุนสภาพคล่องและการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้แก่ภาคธุรกิจและครัวเรือน ความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของ กนง.ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายต่ำสุดในประวัติศาสตร์การเงินไทย ทำลายสถิติดอกเบี้ยนโยบายที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2543
ต้องชื่นชมความกล้าหาญของคณะกรรมการชุดนี้ ในวันที่อันตรายกำลังรุกคืบประเทศ ความร่วมมือและประสานงานในนโยบายการเงินร่วมกับนโยบายการคลังและรัฐบาลถือว่าเห็นกับประโยชน์ส่วนรวมอย่างแท้จริง สิ่งที่ตามมา ในวันที่ กนง.ปรับลดดอกเบี้ยครั้งสำคัญ ทำให้ภาคเอกชน สำนักวิจัยหลายค่ายเห็นสัญญาณอันตรายข้างหน้า ไม่เพียงปรับลดประมาณการจีดีพีลงมาให้สอดคล้องกับความจริง ยังเรียกประชุมสมาชิกแต่ละสมาคมให้รับมือและส่งข้อเสนอแนะไปให้ทางการพิจารณา การเรียกร้องให้กับผู้ประกอบการรายย่อย ความร่วมมือในการขอความช่วยเหลือเพื่อปกป้องภาคแรงงาน
เราเห็นว่า นอกจากการขยับและตื่นตัวของแต่ละสมาคมเอกชน ยังต้องชื่นชมธนาคารกสิกรไทย ที่เป็นผู้นำประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เอ็มอาร์อาร์ ส่วนดอกเบี้ยเงินฝากลดเพียงเงินฝากออมทรัพย์นิติบุคคล เป็นข่าวดีท่ามกลางข่าวร้าย ช่วยสร้างบรรยากาศที่ตึงเครียดสำหรับลูกค้าผู้ประกอบธุรกิจ ทั้งเป็นการตอบสนองทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย ในการสนับสนุนและส่งเสริมภาวะเศรษฐกิจในช่วงที่มีความเปราะบาง ปรบมือรัวๆ