วัคซีน‘โควิด19’ พัฒนาไปไกลแค่ไหนแล้ว

  “ลูกชายมหาเศรษฐีอันดับ 7 ของอินเดียที่มี Serum Institute โรงงานผลิตวัคซีนรายใหญ่ของโลก บอกว่า เร็วสุดทั้งโลกจะได้วัคซีนทั่วถึงเพียงพอในปี 2024 เพราะมีข้อจำกัดทั้งเรื่องวัตถุดิบ ขวดวัคซีน และศักยภาพการผลิต“ ศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ผู้อำนวยการบริหารโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวในการประชุมวิชาการ เมื่อไหร่...คนไทยจะได้ใช้วัคซีนCovid-19

หากอัพเดทข้อมูลวัคซีนไวรัสโควิด เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2564 มีรายงานยบางส่วนจากนิวยอร์คไทม์ว่า ทั่วโลกผลิตวัคซีนโควิดมีการทดลองในมนุษย์ทั้งที่ประสบความสำเร็จแล้วและกำลังทดลอง 86 วัคซีน และพัฒนาในสัตว์ทดลองจำนวน 60 วัคซีน

(ขวดวัคซีนที่ต้องการปริมาณมหาศาล)

วัคซีนโควิดที่ทดลองในมนุษย์ 86 วัคซีน ผ่านทดลองในระยะที่ 1 มี 43 วัคซีน (หนึ่งในนั้นมีวัคซีนที่ผลิตโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ) ,การทดลองระยะ2 มี20 วัคซีน และระยะ3 มี 20 วัคซีน  รวมถึงมีการยืนยันผลผ่านการตรวจสอบแล้ว 3  ว้ัคซีน และหยุดการทดลองหนึ่งวัคซีน (อ่านข้อมูลด้านล่าง)

 “ทุกอย่างเป็นประวัติศาสตร์โลกหมด การระบาดโควิดรอบนี้ ไม่มีครั้งไหนที่เคยทำวัคซีนเริ่มจากหลอดทดลอง ตั้งแต่ค้นพบสายพันธุกรรมไวรัสโควิดที่อู่ฮั่น ภายในสี่ห้าเดือนก็มีการทำวัคซีนก็ทดสอบในอาสาสมัครระยะที่1 โดยเฉพาะวัคซีนของกลุ่ม Moderna

 ตอนนี้เราได้เห็น 4 วัคซีน มีผลระยะ 3 ประสบความสำเร็จ และทยอยขึ้นทะเบียน สองวัคซีนเป็นแบบ mRNA มีประสิทธิภาพสูงถึง 94-95 เปอร์เซ็นต์ ,ส่วนอีกแบบเป็น Viral Vactor วัคซีน มีประสิทธิภาพและความปลอดภัย 62 เปอร์เซ็นต์ และ Inactivated วัคซีน มีประสิทธิภาพประมาณ 79 เปอร์เซ็นต์"

อาจารย์เกียรติ เล่าคร่าวๆ อีกว่า การฉีดวัคซีนของ Pfizer ( เทคโนโลยีแบบ mRNA) สองโด้สห่างกันสองอาทิตย์ พบว่าปลอดภัยในอาสาสมัครสี่หมื่นคน ค่าเฉลี่ยหลังฉีดสองเข็มป้องกันได้ 95 %(หมายถึงป้องกันในกรณีไม่ให้มีอาการหรือป่วยหนัก ทดลองจากอาสาสมัครอายุ 16 ปีขึ้นไป)

“ถ้าถามเชิงวิชาการว่า รู้หรือยังว่าภูมิคุ้มกันส่วนไหนจะป้องกันคนจากไวรัสโควิดได้ ผมขอตอบว่ายังไม่ทราบ ส่วนนี้ต้องรอองค์การอนามัยโลก หาข้อมูลมาเผยแพร่ ถ้าถึงตอนนั้นเมื่อไร จะทำให้ผู้ผลิตวัคซีนที่กำลังจะทดลองกับมนุษย์ระยะที่ 3 ไม่ต้องทำเฟสนี้”

 

อีกประวัติศาสตร์โลกที่อาจารย์เกียรติเล่า คือ การทำวิจัยวัคซีนในอดีต จะพยายามหลีกเลี่ยงการทำวิจัยในผู้สูงอายุ แต่ตอนนี้เป็นภาคบังคับว่า วัคซีนไหนจะทำเพื่อคนไทย ต้องทำให้ผู้สูงอายุด้วย

“คนสูงวัยจะมีภูมิคุ้มกันต่ำกว่าคนทั่วไป จากการทดลองวัคซีนโควิดระยะที่ 3 ของ Pfizer  มีข่าวดีว่า อายุยิ่งมาก ผลข้างเคียงเรื่องไข้ อ่อนเพลีย ปวดศรีษะจะน้อยกว่า”

และตอนนี้หากใครได้ยินจำนวนจองวัคซีนในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศร่ำรวยหลายประเทศ จองวัคซีนกับบริษัทผู้ผลิตเกินปริมาณประชากร อาจารย์เกียรติ บอกว่า ประเทศรวยๆ จองวัคซีนเอาไว้ก่อน ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าในอนาคตจะได้วัคซีนหรือไม่

"หลายประเทศจองเว่อร์ กลัวไม่ได้วัคซีน ส่วนข่าวที่ว่า มีคนรับวัคซีนไปแล้วช็อคหรือมีอาการบางอย่าง เฉลี่ย 8 คนต่อ 8 ล้านคน คือ หนึ่งในล้าน ดังนั้นต้องระวังคนที่แพ้อาหารทะเลหรือแพ้อย่างอื่นที่รุนแรง”

 

 ..............................

(เทคโนโลยีวัคซีนโควิดระยะที่ 3 มีทั้งหมด 5 แบบ มีการทดลอง 21 วัคซีน(ข้อมูลล่าสุดเมื่อเดือนมกราคม 2564)  คือ) 

1 แบบ Viral Vactor เอาเชื้อไวรัสอื่นที่ทำให้เกิดโรคในคน แต่ไม่ทำให้เกิดโรคอื่นที่อันตราย ส่วนใหญ่เป็นอะดิโนไวรัส (ไวรัสที่ทำให้เกิดโรคหวัดทั่วไป) เป็นตัวพาชิ้นส่วนเล็กๆ ของพันธุกรรมโควิด กระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกัน มีอยู่ 5 วัคซีนคือAstraZeneca, Gamaleya oxford,J&J,Cansino bio

2 แบบ protein (โปรตีน) จะสร้างภูมิสูงมาก มี 5 วัคซีน อาทิ novavax(ตัวที่มาแรงและน่าจะขายดี),Medicago/GSK ,ZFSW,Bektop,Clover/GSK/Dynavax

3 แบบ Inactivated เอาเชื้อไวรัสโควิดมาฆ่าให้ตาย แล้วฉีดกลับไปในร่างกาย ผู้ผลิตจะอยู่ในประเทศที่ผลิตวัคซีนที่มีโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เลี้ยงเชื้อได้เยอะมีความปลอดภัยสูง วัคซีนทำในจีน 4 บริษัท อาทิ Sinovac ,BIBP,IMB และsinopharm ส่วนในอินเดีย วัคซีนBharat และคาซัคสถาน วัคซีน Ribsp

4 เทคโนโลยีที่ใช้ DNA มีสองบริษัทคือ ญี่ปุ่น และเกาหลี วัคซีนชื่อ AnGes/Osaka U และ Zydus

5 แบบ mRNA มีสองบริษัททำเสร็จเรียบร้อย ขึ้นทะเบียนเรียบร้อยแล้วและกำลังฉีดให้ประชากรโลก คือ Pfixer,Moderna และ BioNTech