'สหราชอาณาจักร' พร้อมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม G7 ที่คอร์นวอลล์

นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรจะใช้โอกาสการเป็นประธานกลุ่มประเทศ G7 จัดขึ้นที่ คาร์บิส เบย์ ในคอร์นวอลล์ สหราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ 11 - 13 มิถุนายน 2564 เพื่อรวมตัวกลุ่มประเทศประชาธิปไตยชั้นนำของโลกในการร่วมมือกันฟื้นฟูโลกหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ให้กลับมาดียิ่งขึ้นและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมั่งคั่งมากขึ้นในอนาคตออสเตรเลีย อินเดีย และเกาหลีใต้ ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมด้วยในฐานะแขก

นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีจากประเทศต่างๆ จะมารวมตัวกันในการประชุมกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก หรือ G7 ในเดือนมิถุนายนที่แคว้นคอร์นวอลล์ของสหราชอาณาจักร เพื่อร่วมพูดคุยถึงความท้าทายที่ทั่วโลกต้องเผชิญร่วมกัน เช่น การเอาชนะโรคโควิด-19 การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสร้างดำเนินการให้มั่นใจว่าประชากรโลกจะได้รับประโยชน์จากการค้าที่เปิดกว้าง การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและการค้นพบทางวิทยาศาสตร์

จอห์นสันจะใช้โอกาสพบกันในการประชุม G7 เป็นแบบพบหน้ากันครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี เพื่อพูดคุยกับผู้นำจากประเทศต่างๆ ในการคว้าโอกาสเพื่อฟื้นฟูประเทศจากโรคระบาดและร่วมมือกันเพื่อสร้างอนาคตที่เท่าเทียม เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมั่งคั่งมากขึ้น

กลุ่มประเทศ G7 หรือกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำนั้นประกอบด้วยสหราชอาณาจักร แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น สหรัฐ และสหภาพยุโรป งานประชุม G7 เป็นเพียงงานประชุมเดียวที่กลุ่มประเทศเปิดที่ทรงอิทธิพล และประเทศเศรษฐกิจหลักของโลกจะได้รวมตัวกันเพื่อหารืออย่างใกล้ชิด

เป้าหมายของนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรคือ การใช้การประชุม G7 เพื่อผลักดันความร่วมมือระหว่างกลุ่มประเทศประชาธิปไตยที่มีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี จึงได้เชิญผู้นำจากออสเตรเลีย อินเดีย และเกาหลีใต้เข้าร่วมการประชุมด้วยเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความชำนาญหลากหลายมากขึ้นในวงการประชุมผู้นำทั้ง 10 คนที่เข้าร่วมการประชุมนี้นับว่าเป็นตัวแทนของพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยกว่า 60 % ของทั่วโลก

คอร์นวอลล์ซึ่งได้รับเลือกเป็นสถานที่จัดงานประชุมในครั้งนี้จะได้เป็นจุดสนใจของประชากรทั่วโลกในฐานะแคว้นที่สวยงาม เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และมีนวัตกรรมทันสมัย การประชุมจะจัดขึ้นในเมืองชายฝั่งอย่างคาร์บิส เบย์ (Carbis Bay) โดยได้รับการสนับสนุนจากเมืองแวดล้อมอย่างเซนต์ไอฟส์ (St. Ives) และเมืองอื่น ๆ ในเขตเดียวกัน ซึ่งทั่วทั้งคอร์นวอลล์จะได้รับผลประโยชน์จากการเป็นสถานที่จัดการประชุม คอร์นวอลล์นั้นยังถือเป็นฐานการผลิตนวัตกรรมที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม จึงเป็นสถานที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการจัดงานประชุมซึ่งมุ่งเน้นการฟื้นตัวหลังโรคระบาด

หน่วยงานท่องเที่ยวของคอร์นวอลล์ (Visit Cornwall) คาดว่างานประชุม G7 จะก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ในพื้นที่ถึง 50 ล้านปอนด์ (68 ล้านดอลลาร์) เมื่อรวมยอดที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยวในอนาคต รัฐบาลจะทำงานร่วมกับผู้นำและสถาบันต่าง ๆ ในพื้นที่เพื่อให้แน่ใจว่าการประชุมจะก่อให้เกิดประโยชน์ระยะยาวในท้องถิ่นไปอีกหลายปี

นอกจากนี้ สหราชอาณาจักรจะเป็นเจ้าภาพการประชุมระหว่างรัฐมนตรีกระทรวงต่าง ๆ จากประเทศในกลุ่ม G7 อีกหลายงานตลอดปี ทั้งในรูปแบบการประชุมทางไกลและการประชุมในหลายพื้นที่ของ สหราชอาณาจักร เพื่อให้แน่ใจว่าทุกพื้นที่จะได้รับประโยชน์จากการเป็นประธาน G7 ครั้งนี้ การประชุมของรัฐมนตรีจะครอบคลุมประเด็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม สุขภาพ การแลกเปลี่ยนทางการค้า เทคโนโลยี การพัฒนา และนโยบายด้านการต่างประเทศ

“ในฐานะที่เป็นกลุ่มที่ทรงอำนาจที่สุดในประเทศประชาธิปไตย การประชุม G7 นั้นเป็นตัวผลักดันให้เกิดการดำเนินในระดับนานาชาติเพื่อต่อสู้กับปัญหาต่างๆ มาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่การยกเลิกหนี้ในประเทศกำลังพัฒนาไปจนถึงการร่วมประณามการควบรวมคาบสมุทรไครเมียของรัสเซีย ทั่วโลกต่างคาดหวังให้กลุ่มประเทศ G7 นำคุณค่าซึ่งเรายึดถือร่วมกันและพลังทางการทูตมาใช้เพื่อสร้างโลกที่เปิดกว้างและมั่งคั่งมากขึ้น" นายกฯจอห์นสันระบุ

นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร กล่าวว่า ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ถือเป็นภัยซึ่งอันตรายที่สุดที่เราเคยเห็นในรอบหลายชั่วอายุคนและเป็นแบบทดสอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกสมัยใหม่ที่เราเคยเจอมา ดังนั้นจึงเป็นการถูกต้องที่สุดที่เราจะเผชิญความท้าทายครั้งนี้ด้วยการร่วมมือกันด้วยใจที่เปิดกว้างเพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่า

นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร กล่าวอีกว่า คอร์นวอลล์เป็นพื้นที่ซึ่งเหมาะสมที่สุดในงานประชุมครั้งสำคัญนี้ เมื่อกว่า 200 ปีก่อน เหมืองทองแดงและดีบุกในคอร์นวอลล์ถือเป็นใจกลางของการปฏิวัติอุตสาหกรรมในสหราชอาณาจักร และกลางปีนี้จะเป็นอีกครั้งหนึ่งที่คอร์นวอลล์จะเป็นศูนย์กลางในการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาของโลก จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ต้อนรับผู้นำจากทั่วโลกสู่พื้นที่แสนพิเศษและประเทศแห่งนี้

อย่างไรก็ตาม ปี 2564 ถือเป็นปีสำคัญในการเป็นผู้นำระดับนานาชาติของสหราชอาณาจักร นอกเหนือจากงานประชุม G7 แล้ว ช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ สหราชอาณาจักรจะเข้ารับตำแหน่งประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และปลายปีนี้จะเป็นเจ้าภาพการประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ COP26 ที่เมืองกลาสโกว รวมทั้งการประชุมด้านการศึกษาในระดับโลกที่มีเป้าประสงค์คือ ให้เด็กในประเทศที่กำลังพัฒนาได้เข้าเรียนในโรงเรียน