ATP30 - ซื้อเมื่ออ่อนตัว

ATP30 - ซื้อเมื่ออ่อนตัว

คาดกำไรปี 63 หดตัว 43%YoY ก่อนพลิกเติบโตแรงปี 64 +59%YoY

ประเด็นสำคัญในการลงทุน

  • คาดกำไร 4Q63 ราว 9 ลบ. -15%YoY -9%QoQ เราคาดรายได้งวด 4Q63 ราว 94 ลบ. -17%YoY -3%QoQ โดยหดตัว YoY เป็นผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ทำให้ลูกค้าบางรายยังไม่สามารถกลับมาประกอบกิจการได้เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้จำนวนเที่ยวที่บริการการขนส่งพนักงานมีจำนวนที่ลดลง การที่หดตัว QoQ เป็นผลจากปัจจัยฤดูกาลที่ใน Q4 มีจำนวนวันหยุดมากกว่า Q3 ส่วน %GPM คาดลดลงเล็กน้อยสู่ 23% จากไตรมาสก่อนอยู่ที่ระดับ 3% จากราคาน้ำมันซึ่งเป็นต้นทุนหลักปรับสูงขึ้นเฉลี่ย 1-2%QoQ ส่งผลให้งวด 4Q63 บริษัทมีกำไรสุทธิราว 9 ลบ.
    -15%YoY -9%QoQ และส่งผลให้คาดปี 63 บริษัทมีรายได้และกำไรสุทธิราว 380 ลบ. -17%YoY และ 28 ลบ. -40%YoY ตามลำดับ
  • พันธมิตรใหม่ (TTTH) จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรับงาน ปลายเดือน ม..64 บริษัทประกาศจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 65 ล้านหุ้น มูลค่าตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท เสนอขายแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement: PP) ราคาเสนอขายหุ้นละ 99 บาท คิดเป็นมูลค่า 64.35 ลบ. ให้กับบริษัท โตโยต้า ทูโช ไทย โฮลดิ้งส์ จำกัด (TTTH) ซึ่งเป็นบริษัทที่มีบริษัทในเครือให้บริการในหลายอุตสาหกรรม และมีความชำนาญด้านโลจิสติกส์ ทั้งนี้ การเป็นพันธมิตรกับ TTTH สิ่งที่ ATP30 จะได้รับ คือ 1) การนำเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน 2) การขยายฐานลูกค้าที่กว้างขึ้นจากกลุ่มเครือข่ายลูกค้าของ TTTH และ 3) การ Sharing ผู้โดยสารระหว่างโรงงานอุตสาหกรรม
  • คาดรายได้และกำไรปี 64 โตราว 20%YoY และ 59%YoY ตามลำดับ เราคาดรายได้ในปี 64 ราว 457 ลบ. +20%YoY เริ่มเห็นการขยายฐานการเติบโตจากอดีตที่โตเฉลี่ย CAGR ราว 15% ต่อปี ซึ่งเป็นผลบวกภายหลังจากเป็นพันธมิตรกับ TTTH ทำให้มีโอกาสขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้น โดยบริษัทวางแผนเพิ่มจำนวนรถให้บริการปี 64 อีก 80 คัน ดีขึ้นจากเดิมที่ให้บริการเพิ่มขึ้นเพียง 30 คันต่อปี นอกจากนี้ เราคาด %GPM จะปรับดีขึ้นสู่ระดับ 25% จากปี 63F ที่คาด %GPM อยู่ที่ราว4% จากสถานการณ์ COVID-19 ที่เริ่มคลี่คลายลง และการแพร่ระบาดในประเทศรอบ 2 ไม่ทำให้โรงงานอุตสาหกรรมหยุดสายการผลิต ทำให้คาดว่าอัตราการใช้บริการรถรับส่งพนักงานจะเร่งตัวดีขึ้นจากปีก่อน ส่งผลให้เราคาดกำไรสุทธิปี 64 ราว 45 ลบ. +59%YoY
  • เริ่มต้นคำแนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัวราคาเหมาะสม 1.24 บาท เราประเมินราคาเหมาะสมด้วยวิธี Prospective PE ที่ระดับ 22.6x (2Yr-Avg.+1.5SD) ประกอบกับคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้นปี 64 ราว 0.055 บาท/หุ้น คำนวณเป็นราคาเหมาะสม 1.24 บาท/หุ้น อย่างไรก็ดี ราคาปัจจุบันต่ำกว่าราคาเหมาะสมเล็กน้อย เราจึงแนะนำ ซื้อเมื่ออ่อนตัว

ปัจจัยเสี่ยง

i) แนวโน้มการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรม ii) สถานการณ์ COVID-19 ยืดเยื้อ และ iii) การขยายจำนวนรถขนส่งไม่เป็นไปตามเป้า