‘เวทีมวย-บ่อน-สถานบันเทิง’ ใต้ปีก‘วีไอพี-คนมีสี’
จาก"เวทีมวย" - "บ่อนการพนัน" จนกระทั่งมาถึงสถานบันเทิง ภาย“ใต้ปีก” ของผู้มีอำนาจ คนวีไอพี หรือคนมีสี อาจทำให้สังคมตังคำถามไปถึงการสาวไปถึงตัวการที่ทำให้โควิดแพร่ระบาดมาจนทุกวันนี้
อย่างที่รู้กันว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกนี้ซึ่งเกิดขึ้นเป็นระลอกที่3 มีต้นตอการแพร่ระบาดมาจากสถานบันเทิงย่านทองหล่อ ก่อนลามไปยังบุคคลในหลายแวดวง ทั้งคนดัง ดารา นักร้อง นักการเมือง รวมถึงข้าราชการ
จาก “คลัสเตอร์ใหม่” ที่เกิดขึ้น แม้ล่าสุด พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ ผบก.น.5 จะมีคำสั่ง ให้พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส หรือเป็นที่รู้จักในนาม “ผู้กำกับด้วง”ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ และ พ.ต.ท.ธนากร งามเย็น สารวัตรฝ่ายปราบปราม สน.ทองหล่อ รักษาราชการแทน รอง ผกก.ป.สน.ทองหล่อ ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ กองบังคับการตำรวจนครบาล5 (ศปก.บก.น.5)
แต่กรณีที่เกิดขึ้นยังนำมาซึ่งคำถามถึงการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในการป้องกันการแพร่ระบาด เพราะนับตั้งแต่การแพร่ระบาดครั้งแรก จนกระทั่งครั้งนี้ มักจะมีตัวละครที่เป็นบุคคลระดับบิ๊ก,วีไอพี รวมถึงคนมีสีเข้ามาเกี่ยวข้อง
ย้อนกลับไปตั้งแต่การระบาดรอบแรกซึ่งมีต้นตอมาจาก “สนามมวยลุมพินี” ในครั้งนั้นยังมีการ“ผ่าขุมทรัพย์” ของสนามมวย ที่พบว่าแบ่งเป็น 3 ส่วน โดยนายทหารยศตั้งแต่ พ.อ.-พล.อ. 15 นาย เป็นผู้บริหาร
ก่อนที่ต่อมาจะมีการสั่งย้ายและตั้งคณะกรรมการสอบพล.ต.ราชิต อรุณรังษี เจ้ากรมสวัสดิการทหารบก ในฐานะนายสนามมวย ผลที่ออกมา พบความบกพร่องในการควบคุมโรคจริง กระทั่งพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ในขณะนั้นมีคำสั่งปลดคณะกรรมการสนามมวยทั้งหมด
ทว่าในระหว่างที่การระบาดรอบแรกกำลังเข้าสู่สภาวะที่เกือบปกติ กลับพบการระบาดระลอกที่2 มีต้นตอมาจาก 2คลัสเตอร์สำคัญนั่นคือ “บ่อนการพนัน” และ “การลักลอบเข้าเมือง” ของแรงงานต่างชาติ
ครั้งนั้นถือเป็นครั้งที่สองที่เจ้าหน้าที่รัฐถูกตั้งคำถามในเรื่องการสกัดการแพร่ระบาด แม้ต่อมาจะมีการตั้งคณะกรรมการชุดต่างๆโดยเฉพาะระดับนโยบายที่มีการตั้งคณะกรรมการทั้ง คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำความผิดกรณีสถานที่เล่นการพนัน ที่มี “ชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ” อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธาน
และอีกหนึ่งชุดคือ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำผิดกรณีการเข้าเมืองผิดกฎหมาย มี นายภักดี โพธิศิริ อดีตกรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธาน
ก่อนมีการโยกย้ายเจ้าหน้าที่รัฐที่ปล่อยปละละเลย ให้เกิดการแพร่ระบาด รวมถึงเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ที่เรียกรับผลประโยชน์ทั้ง “ส่วยบ่อนพนัน” และ “ส่วยแรงงาน”
แต่ดูเหมือนว่าตัวละครทั้งหมดที่มีการพูดถึงไม่ต่างอะไรจากปลาซิวปลาสร้อย ในขณะที่ตัวบงการใหญ่ยังคงลอยนวล
การระบาดของโรคโควิดที่เกิดขึ้นถึง3ครั้ง ยังนำมาซึ่งคำถามถึงการเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องว่า เป็นเพียงการ “เชือดไก่ให้ลิงดู” หรือเพื่อ“ลดกระแส” เพียงเท่านั้น
เพราะตราบใดที่แหล่งอโคจรเหล่านี้ยังอยู่ “ใต้ปีก” ของผู้มีอำนาจ คนวีไอพี หรือคนมีสี การสาวถึง “ตัวบงการ”หรือ “ผู้กระทำผิดตัวจริง” ก็อาจเป็นเรื่องที่ยาก!