เอกชนหนุนศบค.ไม่ล็อคดาวน์
เอกชน หายใจโล่ง หลังศบค.ออกไม่ล็อคดาวน์ แค่คุมเข้มสถานบันเทิง ห้างร้าน งดจัดกิจกรรม ทำธุรกิจเดินได้ ขอเร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม ประชากร 70%ของประเทศ ดึงเศรษฐกิจฟื้น
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 มาจากสายพันธุ์สหราชอาณาจักร โดยจุดหลักการแพร่ระบาดเกิดขึ้นในสถานบันเทิงหรูย่านทองหล่อ และขณะนี้ได้แพร่ระบาดไปทั่วประเทศ โดยมีแนวโน้มผู้ติดเชื้อสูงขึ้นเรื่อย ๆจนแตะพันรายต่อวัน ถือได้ว่าเป็นสถานการณ์ที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว โดยอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ประชาชนเดินทางข้ามจังหวัดเพื่อกลับภูมิลำเนา แม้ว่ารัฐบาลจะออกมาตรการคุมเข้มเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ก็ตาม แต่ดูเหมือนว่า ไม่สามารถที่จะควบคุมได้เต็มที่
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่สร้างความกังวลต่อทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคเศรษฐกิจของไทยที่กำลังค่อยๆฟื้นตัวจากการที่การฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่มีการวางแผนจะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ถือวัคซีน ทรานสปอร์ต โดยใช้จ.ภูเก็ต เป็นโมเดลนำร่อง แต่เมื่อเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบใหม่ อาจทำให้กระทบต่อแผนงานการเปิดประเทศ นอกจากนี้เศรษฐกิจไทยในภาคส่วนอื่นที่จะกำลังจะกลับมาก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความกังวลหากรัฐบาลใช้ยาแรงคือการประกาศล็อคดาวน์ประเทศ
ล่าสุดศบค.ได้ประกาศไม่ล็อคดาวน์และไม่ประกาศเคอร์ฟิวทั่วประเทศ แต่ออกมาตรการคุมเข้ม ในพื้นที่ควบคุมสีแดง ซึ่งเป็นสิ่งที่ภาคเอกชนต้องการ นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป กล่าวว่า เป็นมาตรการที่ดี ไม่ต้องใช้ยาแรงเหมือนรอบที่ผ่านมา ทำให้ธุรกิจสามารถเดินต่อไปได้ แม้ว่าจะมีการควบคุมการเปิด ปิด สถานที่ต่างๆตามเวลา ควบคุมการจำหน่ายสุรา แต่ปัจจุบันร้านค้า ร้านอาหารก็แทบจะไม่มีคนมาใช้บริการมากเท่าไรนัก หรือไม่นัดพบปะเพื่อเจรจาธุรกิจก็ไม่ค่อยมีแล้ว นอกจากนี้ขณะนี้เองประชาชนมีล็อคดาวน์ตัวเองอยู่แล้ว เนื่องจากความตื่นตระหนกกับสถานการณ์เพราะการแพร่ระบาดไปรวดเร็วมาก บางคนที่ตัวเองติดเชื้อก็ใช้โชเชียลในการบอกไทม์ไลน์ของตนเองเพื่อให้ทุกคนทราบและระมัดระวังถือว่าเป็นการรับผิดชอบต่อสังคม
มาตราการศบค.ที่ออกมาถือว่าเป็นไปลักษณะการควบคุมจากน้อยไปหามากเพื่อให้ประชาชนสามารถดำเนินชีวิตได้แม้ยังไม่ปกติมากนัก เพราะหากรัฐใช้ยาแรงก็ต้องมีการเยียวยา ซึ่งการเยียวยาก็ต้องใช้งบประมาณมาก อีกทั้งไม่มีใครรู้ได้ว่าเยียวยาในรอบนี้แล้วจะจบ อาจจะมีต่อไปอีกก็ได้ เพราะเรายังไม่มีการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชาชน 70 % ของประเทศ ก็มีโอกาสที่การระบาดจะกลับมาอีกครั้ง
“หากมาตราดังกล่าวสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้โดยมีผู้ติดเชื้อน้อยลงเชื่อว่าหลายธุรกิจก็จะกลับมาได้ โดยเฉพาะธุรกิจบริการ และในระยะยาวเศรษฐกิจก็น่าจะฟื้นตัว หากมีการฉีดวัคซีนได้ตามเป้า ดูตัวอย่างของสหรัฐที่ฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆส่งผลให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงเรื่อยๆทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะธุรกิจสายการบิน ห้างสรรพสินค้า ธุรกิจเสื้อผ้า”
การยกระดับมาตรการป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ศบค.ประกาศออกมาในรอบนี้ทำให้ภาคธุรกิจหายใจคล่องขึ้น เนื่องจากทุกคนหวั่นใจหากมีการประกาศล็อคดาวน์ ประกาศเคอร์ฟิวก็จะยิ่งทำให้ภาคเศรษฐกิจฟุบลงไปอีกหลังได้รับผลกระทบหนักจนแทบโงหัวไม่ขึ้น ในรอบ 1 และ 2 ซึ่งภาคธุรกิจถือเป็นแกนหลักสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย แนวทางดังกล่าวจึงเป็นสิ่งที่พบกันครึ่งทางระหว่างการดำเนินธุรกิจกับมาตรการการควบคุม อย่างไรก็ตามมาตรการดังกล่าวจะใช้ไป 14 วัน และจะมีการประเมินกันอีกครั้ง