‘ยิ่งใช้ยิ่งได้’ สรุปดียังไง? เช็คชัดๆ เหมาะกับใคร ใช้สิทธิยังไงให้คุ้ม
เคลียร์ชัดๆ มาตรการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” คืออะไร มีข้อดีอย่างไร เหมาะกับใคร พร้อมเปิดขั้นตอนการลงทะเบียน และวิธีใช้สิทธิให้คุ้ม
หลังจากโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” เปิดให้ลงทะเบียนรับสิทธิ ตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย. 64 ที่ผ่านมา โดยเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 4 ล้านสิทธิ ผ่านมาวันเศษ ดูเหมือนว่า ยอดการสมัคร "ลงทะเบียนยิ่งใช้ยิ่งได้" จะไม่คึกคักเท่าไร โดย ณ เวลา 18.00 น. ของวันที่ 22 มิ.ย.64 มีผู้สมัครใช้สิทธิเพียง 3 แสนเศษ ยังเหลือสิทธิอีกมากถึง 3.6 ล้านสิทธิ
ขณะที่โครงการ “คนละครึ่ง” ซึ่งเปิดให้ลงทะเบียนทั้งสิ้น 31 ล้านสิทธิ ก็ยังไม่เต็มเช่นกัน โดย ณ เวลาเดียวกันนี้ เหลือสิทธิอีกราว 2.8 ล้านสิทธิ
เชื่อว่า น่าจะมีหลายคนที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่า จะลงทะเบียนร่วมโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ดีไหม หรือจะลง “คนละครึ่ง” ดี? เพราะจะสิ้นสุดการให้เปลี่ยนโครงการได้ถึงวันที่ 28 มิ.ย.
“กรุงเทพธุรกิจออนไลน์” เลยจะขอสรุป ทำความเข้าใจกันอีกครั้ง ว่า ที่จริงแล้ว..โครงการ "ยิ่งใช้ยิ่งได้" คืออะไร มีข้อดีที่ตรงไหน เหมือนชิมช้อปใช้ เมื่อปีที่แล้วหรือไม่ และที่สำคัญ คือ “เหมาะกับใคร”
- "ยิ่งใช้ยิ่งได้" คือ อะไร ?
“ยิ่งใช้ยิ่งได้” คือ มาตรการเยียวยาโควิด-19 จากภาครัฐ โดยมุ่งเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการใช้จ่ายค่าสินค้าหรือบริการ เช่น ค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป ค่าบริการนวด สปา ทำผมทำเล็บ (ไม่รวมถึงสลากกินแบ่ง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ บัตรกำนัล (gift voucher) บัตรเงินสด (gift card) และสินค้าหรือบริการที่เป็นการชำระค่าสินค้าหรือบริการล่วงหน้า) ผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์โดยภาครัฐ (g-Wallet) บนแอพพลิเคชัน “เป๋าตัง” ระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม – 30 กันยายน 2564 กับผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ติดตั้งแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ที่เข้าร่วมโครงการ โดยจะได้รับวงเงินสนับสนุนในรูปของบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Voucher)
ทั้งนี้ วงเงินใช้จ่ายที่จะนำมาคำนวณสิทธิ e-Voucher ไม่เกิน 60,000 บาทต่อคน ยอดใช้จ่ายที่นำมาคำนวณสิทธิต้องไม่เกิน 5,000 บาทต่อคนต่อวัน และจะได้รับสิทธิ e- Voucher สะสมสูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการ
- คุณสมบัติผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการ
เงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการสำหรับประชาชน มีดังนี้
- เป็นบุคคลสัญชาติไทย มีบัตรประจำตัวประชาชน
- มีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน
- สามารถเปลี่ยนแปลงโครงการได้ 1 ครั้งผ่านแอปฯ เป๋าตัง ภายในวันที่ 28 มิ.ย. 64
- เริ่มลงทะเบียนได้วันที่ 21 มิ.ย. 64 เป็นต้นไป ตั้งแต่เวลา 6:00-22:00 น.
- ประชาชนใช้สิทธิตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 64 ถึง 31 ธ.ค. 64 เวลา 6:00-23:00 น.
- ไม่เป็นผู้ได้รับสิทธิโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
- ไม่เป็นผู้ได้รับสิทธิโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ
(ผ่านบัตรประชาชน)
- ไม่เป็นผู้ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งเฟส3
- สิทธิประโยชน์การใช้จ่าย
โครงการนี้ภาครัฐจะสนับสนุน E-Voucher ให้ผู้ได้รับสิทธิโครงการ โดยการให้เป็น "เงินคืน" (Cash back) หมายความว่า ผู้ใช้สิทธิจะต้องจ่ายเงินตัวเองเพื่อซื้อสินค้าก่อน แล้วหลังจากนั้นจึงจะได้เงินคืนในรูปแบบ e-Voucher ทีหลัง ในมูลค่าที่ลดหลั่นตามยอดการใช้จ่าย ดังนี้
- ยอดใช้จ่ายจริงตั้งแต่ 1-40,000 บาทแรก ได้รับ e-Voucher ร้อยละ 10 ของยอดใช้จ่าย แต่ไม่เกิน 4,000 บาทต่อคน
- ยอดใช้จ่ายจริงตั้งแต่ 40,001-60,000 บาท ได้รับ e-Voucher ร้อยละ 15 ของยอดใช้จ่าย แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน
ซึ่งสิทธิ e-Voucher จะคืนเป็นวงเงินใน g-Wallet ทุกวันที่ 7 ของเดือนถัดไปโดยสามารถใช้จ่ายด้วย e -Voucher ได้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม- 31 ธันวาคม 2564 ทั้งนี้ e -Voucher “โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้” ไม่สามารถแลกเป็นเงินสดได้
- "ยิ่งใช้ยิ่งได้" ซื้ออะไรได้-ไม่ได้บ้าง?
ผู้ที่ได้รับสิทธิยิ่งใช้ยิ่งได้ สามารถนำวงเงินสิทธิไปซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ได้แก่
- ค่าอาหาร-เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป
- ชำระค่าบริการได้ เช่น ร้านนวด-สปา ทำผม ทำเล็บ เป็นต้น
- ยกเว้น ไม่สามารถใช้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือยาสูบ
ทั้งนี้ E-Voucher ที่จะได้รับ คือ เป็นวงเงินใช้สิทธิ ซึ่งจะคืนให้ผ่าน G-Wallet อย่างแอพพลิเคชั่น "เป๋าตัง" ทุกต้นเดือนถัดไป โดยไม่สามารถแลกเป็นเงินสดได้ และต้องใช้จ่ายผ่าน "เป๋าตัง" เท่านั้น
- "ยิ่งใช้ยิ่งได้" ใช้อย่างไรให้คุ้ม
สำหรับผู้ที่ต้องการได้ e-Voucher ของโครงการ "ยิ่งใช้ยิ่งได้" เต็มจำนวน 7,000 บาทนั้น จะต้องมีการใช้จ่ายสูงสุดประมาณ 60,000 บาท โดยจะต้องใช้จ่ายเงินซื้อสินค้าและบริการก่อน หลังจากนั้นรัฐจึงจะคืนเงินให้ 10-15% ของค่าใช้จ่ายนั้นๆ โดยจะโอนเงินเข้าให้ใน G-Wallet ของแอพเป๋าตังทุกต้นเดือนถัดไป โดยเงินนี้จะไม่สามารถแลกออกมาเป็นเงินสดได้ แต่สามารถใช้จ่ายผ่านแอพฯ "เป๋าตัง" ได้
- "ยิ่งใช้ยิ่งได้" Vs "คนละครึ่ง" เลือกแบบไหนดี ?
มาถึงคำถามสำคัญ ว่า แล้วตกลงจะเลือกแบบไหนดี ระหว่าง "ยิ่งใช้ยิ่งได้" และ "คนละครึ่ง" นั้น สรุปก็คือไม่มีมาตรการไหนที่ดีกว่า มีแต่มาตรการที่เหมาะสมกับเรามากกว่า โดยจากการเปรียบเทียบรายละเอียดของโครงการ สรุปได้ดังนี้
ยิ่งใช้ยิ่งได้ : เน้นให้สิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่ใช้จ่ายผ่านผู้ให้บริการที่จดทะเบียน VAT ซึ่งจะเป็นผู้ให้บริการรายใหญ่ และให้แคชแบ็คสำหรับคนที่มีการใช้จ่ายที่สูง ดังนั้นมาตรการนี้จึงเหมาะกับคนที่มีกำลังซื้อสูง เพราะใช้จ่ายทั้งสินค้าและบริการสูงจึงจะได้สิทธิประโยชน์จากมาตรการนี้
ดังนั้น ใครก็ตามที่มีการใช้จ่ายสูงในระดับที่โครงการกำหนดอยู่แล้ว เหมาะกับการเลือกรับสิทธิประโยชน์นี้เพื่อรับ e-Voucher ไปจับจ่ายต่อ
คนละครึ่งเฟส3 : ลักษณะการจ่ายเงินของคนละครึ่งเฟส3 ให้สิทธิใช้จ่ายเงินรวม 3,000 บาท แต่ไม่เกินวันละ 150 บาท จึงเหมาะกับคนที่ไม่ได้ใช้จ่ายสูง ซึ่งจะได้รับวงเงินช่วยลดค่าใช้จ่าย 50% ในทุกๆ วันเพื่อลดภาระค่าครองชีพจึงเหมาะกับมาตรการนี้มากกว่า
ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนสิทธิที่ได้รับ สามารถทำได้ผ่านแอพฯ "เป๋าตัง" จนถึงวันที่ 28 มิ.ย. 64 โดยสามารถอ่านรายละเอียดได้ที่ > เลือกรับสิทธิ 'คนละครึ่งเฟส 3' แทน 'ยิ่งใช้ยิ่งได้' ทำอย่างไร ?