เพิ่มข้อหา "เมาแล้วขับ" เสี่ยขับเบนท์ลีย์ ส่งตัวฝากขังแล้ว

เพิ่มข้อหา "เมาแล้วขับ" เสี่ยขับเบนท์ลีย์ ส่งตัวฝากขังแล้ว

เพิ่มข้อหา "เมาแล้วขับ" เสี่ยขับเบนท์ลีย์ ส่งตัวฝากขังแล้ว ปฏิเสธการเป่าให้สันนิษฐานว่า "เมาแล้วขับ" พร้อมตั้ง กก.สอบตำรวจไม่ยอมตรวจวัดแอลกอฮอล์แต่แรก

จากกรณีที่รถยนต์หรูยี่ห้อเบนท์ลีย์ สีเทา ของนายสุทัศน์ สิวาภิรมย์รัตน์ ขับซิ่งแซงซ้ายพุ่งชนรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ ปาเจโร เมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 7 ม.ค. ที่ผ่านมา จนเกิดรถหมุนพลิกคว่ำบาดเจ็บทั้งคันรถ บริเวณบนทางด่วน เขตพระขโนง กรุงเทพฯ ซ้ำมีรถดับเพลิงอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยมัสยิดฮารูณ จำนวน 2 ราย ขับพุ่งชนส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บรวม 4 ราย นั้น

ล่าสุด วันนี้ (11 ม.ค.66) พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น.ชี้แจงกรณี เมื่อวันที่ 8 ม.ค.2566 เวลาประมาณ 00.38 น. นายสุทัศน์ สิวาภิรมย์รัตน์ นักธุรกิจวัย 52 ปี ขับรถยนต์เบนท์ลีย์ เฉี่ยวชนรถยนต์ของผู้อื่น เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ บริเวณบนทางพิเศษเฉลิมมหานคร กม.21+200B ขาออก แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ ว่า กรณีดังกล่าว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลกำชับให้ผู้บังคับการตำรวจจราจร ลงไปควบคุมดูแลเกี่ยวกับการดำเนินคดีดังกล่าวด้วยตัวเอง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม โปร่งใส และเป็นที่เชื่อมั่นของประชาชนและสังคม

ความคืบหน้าของการดำเนินการเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีดังกล่าวใน 2 ประเด็นหลัก

ประเด็นที่ 1 การดำเนินคดี วันนี้ 11 ม.ค.2566 จากการที่พนักงานสอบสวนได้รวบรวมข้อเท็จจริง และหลักฐานเพิ่มเติม จึงได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับผู้ขับรถยนต์เบนท์ลีย์ ในข้อหา "ขับรถโดยประมาทอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลและทรัพย์สินของผู้อื่น และเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส, ได้รับอันตรายแก่กายและทรัพย์สินเสียหาย, ขับรถในขณะเมาสุรา (ฝ่าฝืนไม่ยอมเป่าแอลกอฮอล์ ให้สันนิษฐานว่า เมาแล้วขับ)" และนำตัวผู้ต้องหาไปทำการฝากขังต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งศาลได้พิจารณารับฝากขังตามคำร้อง

 

ประเด็นที่ 2 การดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากคดีดังกล่าว ยังมีประชาชนในสังคมมีความสงสัยเกี่ยวกับการดำเนินการ และการใช้วิจารณญาณของพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับการตรวจวัดแอลกอฮอล์ ผู้บังคับการตำรวจจราจรจึงออกคำสั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวแล้ว เมื่อวันที่ 10 ม.ค.2566 โดยมอบหมายให้รองผู้บังคับการตำรวจจราจร เป็นประธานคณะกรรมการ และให้รายงานผลการตรวจสอบให้ทราบภายใน 15 วัน ผลเป็นประการใดจะแจ้งให้ประชาชนได้รับทราบต่อไป