เมื่อโลกทำงานเปลี่ยน...ผู้นำจะต้องเปลี่ยน | พสุ เดชะรินทร์
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จะพบเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบและวิธีการทำงาน จากผลกระทบของโควิด-19 และพัฒนาการของเทคโนโลยี ซึ่งส่งผลต่อทักษะของผู้นำในองค์กรที่จะต้องเปลี่ยนไป
ผลพวงจากโควิด-19 พัฒนาการของเทคโนโลยี รวมทั้งความคาดหวังและพฤติกรรมของคนยุคใหม่ ทำให้รูปแบบและวิธีการทำงานเปลี่ยนไป แนวคิดของ Future of Work กลายเป็นหนึ่งในหัวข้อที่ได้มีการพูดคุยกันถึงอย่างกว้างขวางมากขึ้น
- การเปลี่ยนแปลงและแนวโน้มที่สำคัญ ที่พบเห็นได้ทั่วไปเกี่ยวกับการทำงานที่เปลี่ยนไปนั้น ประกอบด้วย
1. Remote/Hybrid work เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนที่สุด บริษัทจำนวนไม่น้อยที่ให้พนักงานเข้าทำงานในออฟฟิศได้สัปดาห์ละ 2-3 วัน ขณะเดียวกันพัฒนาการของเทคโนโลยี ทำให้รูปแบบการทำงาน การประชุมมีความผสมผสานมากขึ้น
การประชุมในปัจจุบันจะมีผู้ที่เข้าประชุมด้วยตนเองและประชุมแบบออนไลน์ ผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้คือพนักงานมีอิสระและความยืดหยุ่นในการทำงานมากขึ้น
2. การใช้งาน Cloud ที่แพร่หลายขึ้น ประกอบกับ Remote work ทำให้งานทุกอย่างไปอยู่บน Cloud แทน ผู้บริหารและพนักงานเพียงแค่มีมือถือเครื่องเดียวก็สามารถทำงาน เข้าถึงข้อมูล หรือเข้าร่วมประชุมได้จากทุกแห่งที่มีเน็ต
3. AI จะทำให้วิธีการในการทำงานจะเปลี่ยนไป เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Microsoft ได้เปิดตัว Copilot ใน Microsoft 365 ซึ่งมาจากเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลัง ChatGPT
ต่อไปเพียงพิมพ์สิ่งที่ต้องการ Copilot ก็จะสร้างไฟล์การนำเสนอที่ประกอบด้วยทั้งเนื้อหา กราฟิก และรูปภาพ ช่วยในการร่างอีเมลเอกสารต่างๆ สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและจัดทำเป็นกราฟออกมาให้โดยอัตโนมัติ จากข้อมูลตัวเลขจำนวนมากใน Excel หรือแม้กระทั่งในโปรแกรม Teams ก็สามารถสรุปประเด็นสำคัญของการสนทนาออกมาให้ได้
4. คนรุ่นใหม่เป็นรุ่นที่เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีและโควิด-19 ให้ความสำคัญในเรื่องของความยืดหยุ่นในการทำงาน และการมีเวลาที่เป็นของตนเอง คนรุ่นนี้จะมองการเข้าออฟฟิศเป็นเพียงเพื่อพบเจอ ประสานงานกับผู้อื่น มองว่าถ้างานที่ต้องทำคนเดียวแล้ว การทำงานที่บ้านกลับได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
5. ออฟฟิศหรือสำนักงานที่เปลี่ยนไป ซึ่งเป็นผลจากวิธีการทำงานที่เปลี่ยนไป แนวคิดของ Office of the future ต่างจากในอดีต ออฟฟิศในยุคใหม่จะต้องมีความยืดหยุ่นมากขึ้น สามารถปรับเปลี่ยนได้ เน้นการออกแบบให้พนักงานสามารถทำงานร่วมกันได้มากขึ้น จะมีบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่เหมือนกับห้องรับแขกในบ้าน
เมื่อรูปแบบและวิธีการในการทำงานเปลี่ยน แนวทางในการบริหารจัดการพนักงานและทีมก็ต้องเปลี่ยนด้วย และทักษะของผู้นำในทุกระดับย่อมจะต้องปรับไป
- โดยผู้นำในยุค Remote Management ควรจะต้องมุ่งเน้นในเรื่อง
1. มีการสื่อสารที่ชัดเจนตรงประเด็น จากการที่ไม่ได้พบเจอกันในทุกวันในที่ทำงาน ทำให้ความชัดเจนในการสื่อสารมีความจำเป็น อีกทั้งผู้นำยังจะต้องสามารถเลือกใช้เครื่องมือและวิธีการในการสื่อสารให้เหมาะสมด้วย
2. การมุ่งเน้นในผลลัพธ์มากกว่าวิธีการ จากรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนไป และคนรุ่นใหม่ที่เข้าสู่การทำงานมากขึ้น ผู้นำจะต้องกำหนดเป้าหมายของสิ่งที่จะทำให้ชัดเจน จากนั้นการติดตามประเมินผลก็มุ่งเน้นที่ผลลัพธ์หรือความสำเร็จที่เกิดขึ้น มากกว่าการดูในรายละเอียดทุกขั้นตอนเหมือนในอดีต
3. การทำให้ลูกน้องมีความรู้สึกผูกพันและมีส่วนร่วมกับทีมหรือองค์กร เนื่องจากพอทำงานแบบ Remote โอกาสในการสร้างความผูกพันในทีมก็จะน้อยลง ดังนั้น ผู้นำจะต้องสามารถแนวทางใหม่เพื่อให้เกิดปฏิสัมพันธ์และความผูกพันร่วมกัน เช่น การมีกิจกรรมนอกเวลาเพื่อสร้างความผูกพันระหว่างสมาชิกในทีม
4. ใส่ใจติดตามและมีความรู้ในการใช้เทคโนโลยี ทั้งเทคโนโลยีในการสื่อสาร การทำงาน รวมทั้งผลกระทบของ AI ต่อการทำงานยุคใหม่ โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีเพื่อทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพและผลิตภาพมากขึ้น
5. มีความยืดหยุ่นในการทำงานและปรับความคาดหวังต่อลูกน้อง ความคิดที่ว่าในอดีต ตนเองเคยทำงานด้วยรูปแบบแบบหนึ่งมา ดังนั้น ลูกน้องจะต้องทำงานในรูปแบบเดิมด้วย จะต้องเปลี่ยนไป
ผู้นำจะต้องยอมรับว่าโลกการทำงานในปัจจุบันไม่เหมือนเดิม จะต้องพร้อมที่จะเรียนรู้ และใช้ประโยชน์จากโลกการทำงานยุคใหม่ให้ได้มากที่สุด