ยังวิกฤต! PM 2.5 เชียงใหม่ หนาจนมองไม่เห็นดอยสุเทพ จี้ ผู้ว่าฯ ประกาศภาวะฉุกเฉิน
สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 เชียงใหม่ ยังคงเกิดค่ามาตรฐาน หมอกควันหนาจนมองไม่เห็นดอยสุเทพ ด้านสภาลมหายใจ จี้ ผู้ว่าฯ ประกาศภาวะวิกฤติด้านสุขภาพ
เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2566 สถานการณ์หมอกควันและฝุ่นควันPM2.5 ของจังหวัดเชียงใหม่ยังคงน่าห่วง ในพื้นที่ตัวเมืองและพื้นที่รอบนอกยังคงถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันสีขาวขุ่น เรียกได้ว่าไม่สามารถมองเห็นดอยสุเทพได้ หลายพื้นที่ที่เคยเห็นดอยสุเทพได้อย่างชัดเจนในช่วงที่ไม่มีสถานการณ์ฝุ่นควันไม่สามารถมองเห็นได้ และถึงแม้จะอยู่ใกล้กับดอยสุเทพก็ยังจะเห็นว่ามีหมอกควันบดบังดอยสุเทพอยู่
โดยแอพพลิเคชั่น “AirVisual” ได้รายงานคุณภาพอากาศของจังหวัดเชียงใหม่ ณ เวลา 9.00 น. ว่า เชียงใหม่มีค่า AQI อยู่ที่ 196 ซึ่งถือว่าเริ่มมีผลกระทบต่อประชาชน
สำหรับ จุดตรวจวัดค่า PM2.5 ของแอปพลิเคชั่น Air4Thai กรมควบคุมมลพิษพบว่า พบว่า ตำบลช้างเผือกวัดได้ 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ตำบลศรีภูมิวัดได้ 99 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน
สำหรับบรรยากาศในพื้นที่ตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่ จะเห็นได้ว่าประชาชนที่มีความจำเป็นต้องออกนอกที่พักมีการสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันฝุ่นPM2.5มากขึ้น แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย หรือสวมหน้ากากอนามัยที่ใช้ป้องกันโควิด-19 ซึ่งอาจจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่นPM2.5ได้ไม่มากเท่ากับหน้ากากที่ใช้เพื่อป้องกันฝุ่นPM2.5 อาทิ หน้าN95ซึ่งมีราคาแพงกากหน้าอนามัยทั่วไป
ขณะที่สภาลมหายใจ ก็ได้ออกมาจัดกิจกรรมที่ช่วงประตูท่าแพ เมมื่อวันที่ 27 มี.ค. ที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหา หมอกควัน ไฟป่าเร่งปัญหาอย่างจริงจัง ท่ามกลางสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ที่เกินค่ามาตรฐานของจังหวัดเชียงใหม่และประเทศ ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่มีประกาศใดๆ
จากหน่วยงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ หรือประกาศภาวะวิกฤติด้านสุขภาพ ซึ่งควรจะประกาศได้แล้ว และคิดว่าผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่สามารถประกาศวิกฤติด้านสุขภาพได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งในกิจกรรมมีประชาชนมาร่วมสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นโดยการเขียนข้อความลงกระดาษ กล่าวถึงการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง นอกจากนั้นทางสภาลมหายใจเชียงใหม่ ยังมีการแจกหน้ากากอนามัย ให้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรมในด้วย