คืบหน้า หลักฐานชัด! พนักงานธนาคารดัง หลอกขายประกัน ปมใบงานแจกนักเรียน
ผู้ปกครองของนักเรียน นำคลิปเสียงสนทนา พนักงานฝ่ายประกันของธนาคารชื่อดัง โทรไปเสนอโครงการออมเงินลูก ได้เบอร์โทรศัพท์พร้อมข้อมูลส่วนตัวว่ามาจากใบงานที่นำไปให้โรงเรียน แจกให้นักเรียนกลับมาทำที่บ้าน ซัดบริษัทประกันหลอกได้แม้กระทั้งเด็กนักเรียน ชี้ไร้จิตสำนึก
ล่าสุดวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 นางสาวนุช (ขอสงวนชื่อ-นามสกุล) อายุ 41 ปี ผู้ปกครองของนักเรียนชั้นอนุบาล 1 และ 2 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น นำคลิปเสียงการสนทนากันทางโทรศัพท์ระหว่างตนเองกับชายที่แนะตัวว่ามาจากธนาคารชื่อดังแห่งหนึ่ง (สีเหลือง) มาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ซึ่งเป็นคลิปเสียงที่เธอบันทึกเอาไว้ในระหว่างที่ชายที่อ้างว่า มาจากธนาคารแห่งหนึ่งได้โทรศัพท์มาหาที่เบอร์โทรศัพท์ส่วนตัว ในวันที่เธอและครอบครัวกำลังจะเดินทางไปต่างจังหวัด
โดยปลายสายได้มีการกล่าวทักทายและถามเธอว่า ใช่แม่ของ “โทนี่” (นามสมมุติ) หรือไม่ เมื่อเธอตอบว่า ใช่ ชายที่โทรมาได้แจ้งกับเธอว่า ตนเองโทรจากธนาคารกรุงฯ ก่อนจะเตือนความจำเธอว่า ตนเองเป็นเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปทำกิจกรรมที่โรงเรียนที่ลูกของเธอเรียนหนังสืออยู่
โดยให้นักเรียนรวมทั้งลูกของเธอระบายสีลงในใบงานอาชีพในฝัน ก่อนชายคนเดิมจะพยายามสอบถามความเป็นอยู่ของน้องโทนี่จากเธอ เช่น วันนี้น้องไปเรียนหรือไม่ ก่อนที่ผู้ปกครองท่านนี้จะตัดบทตอบไปว่า กำลังจะขึ้นเครื่องเดินทางไปต่างจังหวัด มีเรื่องอะไรหรือไม่
ซึ่งชายที่สนทนาด้วย ตอบว่า โทรมาประชาสัมพันธ์โครงการออมเงินให้กับเจ้าตัวเล็ก ทำให้เธอต้องรีบตัดบทว่า ให้ติดต่อมาใหม่ ก่อนจะวางสายไป ซึ่งคลิปเสียงนี้เป็นหลักฐานยืนยันว่า มีกลุ่มคนที่แอบนำเอาข้อมูลส่วนตัวของนักเรียนและผู้ปกครองไปใช้ ผ่านรูปแบบการให้ใบงานหรือการบ้านนักเรียนจริง
น.ส.นุช ผู้ปกครองนักเรียน เล่าให้ฟังว่า ตนเองมีลูก 2 คน เรียนหนังสือที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ลูกทั้ง 2 คน ได้การบ้านกลับมาทำที่บ้าน โดยเป็นใบงานให้นักเรียนระบายสีลงในภาพอาชีพในฝันที่นักเรียนอยากเป็น ซึ่งมีภาพตำรวจและพยาบาล ซึ่งลูกทั้ง 2 คน ก็พากันระบายสีในใบงานตามประสาเด็ก
เมื่อระบายสีเสร็จตนเองและสามีก็ช่วยกันตอบแบบสอบถามที่อยู่ในใบงานคนละใบ และกรอกข้อมูลส่วนตัวลงในใบงานของลูก โดยไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร คิดแค่ว่าเป็นการบ้านลูกเท่านั้น แต่สิ่งที่เอะใจอยู่บ้างก็คือ ทำไมในใบงานต้องถามเรื่องรายได้ เรื่องฐานเงินเดือนผู้ปกครองด้วย แต่สุดท้ายก็กรอกไป เพราะคิดว่าคงจบแค่ที่โรงเรียน
จนกระทั้งผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์ ก็มีผู้ชายโทรเข้ามาเบอร์โทรศัพท์มือถือของตนเอง โดยถามคำแรกว่า ใช่ผู้ปกครองของน้องโทนี่หรือไม่ ทำให้ตนเองแปลกใจมาก ว่ารู้จักชื่อเล่นของลูกได้อย่างไร เพราะถ้าหากเอ่ยชื่อตนเอง ก็จะไม่แปลกใจ จนกระทั้งชายที่โทรมาบอกว่า ได้ข้อมูลมาจากใบงานของนักเรียนที่พวกเขาเข้าไปทำกิจกรรม ตนเองจึงเริ่มคิดออกและงงว่า การระบายสีในใบงานของลูกไปเกี่ยวข้องกับโครงการออมเงินของบริษัทประกันได้อย่างไร จากนั้นพนักงานที่โทรมาก็เสนอโครงการออมเงินให้กับลูกของตนเอง แต่ในช่วงนั้นก็ยังไม่ได้คิดมาก
จนกระทั้งมาเห็นโพสต์ของผู้ปกครองท่านหนึ่งที่ออกมาร้องเรียนและเตือนภัยผู้ปกครองว่า ถูกบริษัทประกันนำข้อมูลส่วนตัวไปโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้ตนเองเริ่มเอะใจเพราะจากโพสต์ดังกล่าวมีผู้ปกครองของนักเรียนเข้ามาบอกเล่าว่า แต่ละคนก็ถูกบริษัทประกันโทรไปหาเช่นกันหลังจากที่ลูกทำใบงานนี้ส่งครูที่โรงเรียน
น.ส.นุช กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ตนเองยังมองในแง่ดีที่ว่าครูอาจจะไม่มีส่วนรู้เห็นและอาจจะเป็นเหยื่อด้วยเช่นกัน เพราะหากดูจากใบงานที่ได้มา ครูก็คงหวังดีอยากให้นักเรียนได้รางวัลจึงให้เด็กทำใบงานที่ได้มา แต่ในฐานะผู้ปกครองของนักเรียน ก็กังวลว่า ข้อมูลส่วนตัวที่ผู้ปกครองกรอกลงในใบงานจะถูกนำไปใช้ในรูปแบบใดอีกหรือไม่
อยากถามว่าทางธนาคารหรือบริษัทประกันคิดได้อย่างไรที่ใช้วิธีการหาลูกค้าในลักษณะนี้ หลอกได้แม้กระทั้งเด็กนักเรียนและใช้เด็กนักเรียนเป็นเครื่องมือหากิน ซึ่งเป็นกระทำที่ไร้จิตสำนึกมาก