พนักงานบริษัทแอบนำทองคำนายจ้างไปขาย อ้างบริษัทตรวจสอบพลาดเอง ตร.ตามจับ

พนักงานบริษัทแอบนำทองคำนายจ้างไปขาย อ้างบริษัทตรวจสอบพลาดเอง ตร.ตามจับ

ตำรวจตามจับพนักงานบริษัทคาแมนชั่นที่บางแค กรุงเทพ แอบนำทองคำของนายจ้างไปขาย อ้างบริษัทตรวจสอบพลาดเอง

กรณี "จับพนักงานบริษัท"คาแมนชั่น บางแค กรุงเทพ แอบนำทองคำนายจ้างไปขาย ล่าสุด เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2567 เวลา 18.30 น. เจ้าหน้าที่ กก.สส.3 สืบนครบาล จับกุมนายสังวาล อายุ 51 ปี บุคคลตามหมายจับ ศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.145/2567 ลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567

ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้าง” จับกุมที่ บริเวณหน้าแมนชั่น ถนนสุขาภิบาล1 แขวงบางแค เขตบางแค กรุงเทพ หรือ กทม.

กรรมการบริษัทแจ้งจับพนักงานลักทรัพย์นายจ้าง

พฤติการณ์ ตามวันเวลาที่เกิดเหตุ เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 2565 ผู้กล่าวหาเป็นกรรมการบริษัทแห่งหนึ่ง ได้เข้าแจ้งความต่อ พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ ว่าผู้ต้องหาเป็นพนักงานของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2565

ผู้กล่าวหาได้ตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหาได้นำทรัพย์สินของบริษัทเป็นทองไปขาย คิดเป็นมูลค่า 60,000 บาท หรือหกหมื่นบาทถ้วน โดยทรัพย์สินนี้ทางบริษัทมีกฎระเบียบห้ามนำออกบริษัทเด็ดขาด และทางบริษัทฯ ได้สอบถามผู้ต้องหาแล้วได้รับว่าได้นำเอาทองของบริษัทออกไปขายจริง ทำให้ทางบริษัทได้รับความเสียหาย

ผู้กล่าวหาจึงมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาจนกว่าจะถึงที่สุด

ต่อมา พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ ได้ขอยื่นคำร้องขอหมายจับ ศาลอาญากรุงเทพใต้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหา และเจ้าหน้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้สืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ ได้เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2567 จับกุมที่ บริเวณ หน้าแมนชั่นแห่งหนึ่ง ย่านบางแค กทม.

ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา กล่าวว่าตนไม่ได้เอาทองหรือทรัพย์สินของบริษัทแต่อย่างใด โดยอ้างว่าอาจเป็นข้อผิดพลาดจากการตรวจสอบจำนวนทรัพย์สินของบริษัทเอง

หลังจากเกิดเหตุ ผู้ต้องหาออกจากบริษัท มาทำงานรับจ้างขับรถจักรยานยนต์ส่งของทั่วไป ได้ค่าจ้างต่อวัน ไม่เพียงพอที่จะที่ชดเชยค่าเสียหายให้กับบริษัท จึงไม่ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนผู้ต้องหาไม่มีประวัติคดีอาญาอื่น

นอกจากในคดีนี้ และคดีจอดรถบนทางเท้า ตาม พรบ.รักษาความสะอาด เมื่อปี 2565 จากนั้นได้นำตัวส่ง สน.ทุ่งมหาเมฆ ดำเนินคดี


 

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.อิสเรศ ปาลาพงศ์, พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก สส.ฯ, พ.ต.อ.อรรชวศิษฎ์ ศรีบุญยมานนท์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.วิโรฒ จนุบุษย์ และ พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.สส.3ฯ

ได้สั่งการให้ พ.ต.ต.วรุตม์ คำหล้า สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. พร้อมด้วย ร.ต.อ.พิชชากร กองสวัสดิ์ ,ร.ต.อ.พงศธร อารีย์ รอง สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น., ด.ต.ประเทศ ช่อลำเจียก,จ.ส.ต.ภานุพงศ์ เวฬุวนารักษ์, ส.ต.อ.อวิรุทธ์ เนียมบุญเจือ, ส.ต.อ.นิติสิทธิ์ โชติคุต, ส.ต.อ.พลภัทร ปรีชา ผบ.หมู่ กก.สส.3 บก.สส.บช.น. ชุดปฏิบัติการที่ 3 ดำเนินการ

พล.ต.ต.ธีรเดช ฝากเตือนเจ้าของธุรกิจหรือผู้ประกอบการ ในปัจจุบันการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมพนักงานก่อนรับเข้าทำงานเป็นสิ่งสำคัญ เพราะในยุคปัจจุบันนั้นมิจฉาชีพมีทุกรูปแบบ ซึ่งเราอาจรู้หน้า แต่ไม่รู้ใจ และนายจ้างไม่สามารถทราบถึงข้อมูลอ่อนไหว หรือข้อมูลสำคัญอื่นๆได้ ฉะนั้นการเช็กประวัติอาชญากรรมก่อนรับคนเข้าทำงานจึงเป็นส่วนสำคัญ

ส่วนการซื้อของมือสองออนไลน์ ระวังกลายเป็นรับซื้อของโจร ดังนั้นควรตรวจสอบประวัติการซื้อขายของบุคคล หรือร้านค้าให้ดีก่อน เพราะหากสินค้าที่ท่านได้ซื้อมานั้นเป็นสินค้าที่ได้มาจากการกระทำความผิดแล้ว ท่านอาจตกเป็นผู้ต้องหาที่เข้าข่ายกระทำความผิดฐานรับของโจร