เตือน 66 จังหวัด เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ช่วงวันที่ 14-18 ก.ค. 67
ปภ. เน้นย้ำ 66 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และคลื่นลมแรง ในช่วงวันที่ 14 - 18 ก.ค. 2567
วันนี้ (14 ก.ค. 67) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้ง 66 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และคลื่นลมแรง ในช่วงวันที่ 14 - 18 ก.ค. 67 โดยให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนปฏิบัติตามประกาศแจ้งเตือนภัยอย่างเคร่งครัด รวมถึงเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร อุปกรณ์ รวมถึงเครื่องจักรกลสาธารณภัย ให้สามารถเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็วในกรณีที่เกิดสถานการณ์ภัยขึ้น
นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับ กรมอุตุนิยมวิทยา ได้มีประกาศฉบับที่ 3 (128/2567) ลงวันที่ 13 กรกฎาคม 2567 เวลา 17.00 น. แจ้งว่า ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นและฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
พื้นที่แจ้งเตือนสถานการณ์ เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขัง ระหว่างวันที่ 14 - 18 กรกฎาคม 2567 ดังนี้
ภาคเหนือ 17 จังหวัด ได้แก่
- แม่ฮ่องสอน (อ.เมืองฯ ปาย แม่สะเรียง)
- เชียงใหม่ (อ.จอมทอง ฮอด)
- เชียงราย (อ.แม่สาย เชียงแสน แม่จัน แม่ฟ้าหลวง)
- ลำพูน (อ.เมืองฯ ลี้)
- ลำปาง (อ.เมืองฯ แจ้ห่ม ห้างฉัตร เมืองปาน เสริมงาม เกาะคา แม่พริก)
- พะเยา (อ.ปง เชียงคำ จุน ภูกามยาว)
- แพร่ (อ.เมืองฯ สอง วังชิ้น ลอง) น่
- าน (อ.ทุ่งช้าง เฉลิมพระเกียรติ ปัว บ่อเกลือ เชียงกลาง)
- อุตรดิตถ์ (อ.ท่าปลา น้ำปาด)
- ตาก (อ.เมืองฯ อุ้มผาง ท่าสองยาง สามเงา)
- สุโขทัย (อ.เมืองฯ ทุ่งเสลี่ยม บ้านด่านลานหอย ศรีสัชนาลัย ศรีสำโรง)
- กำแพงเพชร (อ.ปางศิลาทอง คลองลาน โกสัมพีนคร พรานกระต่าย)
- พิษณุโลก (อ.วังทอง นครไทย ชาติตระการ เนินมะปราง)
- พิจิตร (อ.โพธิ์ประทับช้าง)
- เพชรบูรณ์ (อ.เมืองฯ หล่มเก่า หล่มสัก เขาค้อ น้ำหนาว)
- นครสวรรค์ (อ.แม่วงก์ แม่เป็น)
- อุทัยธานี (อ.ลานสัก บ้านไร่)
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด ได้แก่
- เลย (อ.นาแห้ว ด่านซ้าย ภูเรือ ท่าลี่ เชียงคาน)
- หนองคาย (อ.เมืองฯ สังคม)
- บึงกาฬ (อ.เมืองฯ บุ่งคล้า เซกา)
- หนองบัวลำภู (อ.สุวรรณคูหา)
- อุดรธานี (อ.นายง น้ำโสม)
- สกลนคร (อ.เมืองฯ ภูพาน สว่างแดนดิน)
- นครพนม (อ.เมืองฯ ศรีสงคราม)
- ชัยภูมิ (อ.เมืองฯ คอนสาร หนองบัวแดง)
- ขอนแก่น (อ.เมืองฯ ภูผาม่าน ชุมแพ บ้านไผ่)
- มหาสารคาม (อ.เมืองฯ)
- กาฬสินธุ์ (อ.เมืองฯ ยางตลาด)
- มุกดาหาร (อ.เมืองฯ ดงหลวง หว้านใหญ่ หนองสูง)
- ร้อยเอ็ด (อ.เมืองฯ เสลภูมิ)
- ยโสธร (อ.เมืองฯ ป่าติ้ว คำเขื่อนแก้ว)
- อำนาจเจริญ (อ.เมืองฯ ชานุมาน)
- นครราชสีมา (อ.ปากช่อง วังน้ำเขียว)
- บุรีรัมย์ (อ.เมืองฯ)
- สุรินทร์ (อ.เมืองฯ ปราสาท)
- ศรีสะเกษ (อ.เมืองฯ ยางชุมน้อย)
- อุบลราชธานี (อ.เมืองฯ บุณฑริก น้ำยืน นาจะหลวย น้ำขุ่น วารินชำราบ เดชอุดม นาเยีย)
ภาคกลาง 18 จังหวัด ได้แก่
- กาญจนบุรี (อ.สังขละบุรี ทองผาภูมิ)
- ราชบุรี (อ.สวนผึ้ง บ้านคา)
- สุพรรณบุรี (อ.ด่านช้าง)
- ชัยนาท (อ.หันคา)
- ลพบุรี (อ.ชัยบาดาล สระโบสถ์ ลำสนธิ)
- นครนายก (อ.เมืองฯ ปากพลี)
- ปราจีนบุรี (อ.กบินทร์บุรี นาดี)
- สระแก้ว (อ.เมืองฯ)
- ฉะเชิงเทรา (อ.สนามชัยเขต ท่าตะเกียบ)
- ชลบุรี (อ.บ้านบึง ศรีราชา บางละมุง)
- ระยอง (อ.เมืองฯ แกลง บ้านค่าย)
- จันทบุรี (อ.เมืองฯ เขาคิชฌกูฏ สอยดาว โป่งน้ำร้อน มะขาม ขลุง)
- ตราด (ทุกอำเภอ)
- เพชรบุรี (อ.หนองหญ้าปล้อง แก่งกระจาน)
- ประจวบคีรีขันธ์ (อ.บางสะพาน บางสะพานน้อย)
- ปทุมธานี (อ.ธัญบุรี คลองหลวง)
- นนทบุรี (อ.เมืองฯ ปากเกร็ด)
- สมุทรปราการ (อ.เมืองฯ บางพลี บางเสาธง)
ภาคใต้ 11 จังหวัด ได้แก่
- ชุมพร (อ.เมืองฯ ท่าแซะ พะโต๊ะ หลังสวน)
- สุราษฎร์ธานี (อ.พนม บ้านตาขุน เกาะพะงัน เกาะสมุย เคียนซา บ้านนาเดิม บ้านนาสาร เวียงสระ)
- นครศรีธรรมราช (อ.ลานสกา นบพิตำ พิปูน ฉวาง ถ้ำพรรณรา ทุ่งใหญ่)
- พัทลุง (อ.กงหรา ศรีนครินทร์ ป่าบอน)
- สงขลา (อ.รัตภูมิ หาดใหญ่ สะบ้าย้อย นาหม่อม)
- ระนอง (ทุกอำเภอ)
- พังงา (อ.เมืองฯ คุระบุรี ตะกั่วป่า กะปง ท้ายเหมือง)
- ภูเก็ต (ทุกอำเภอ)
- กระบี่ (อ.เมืองฯ เหนือคลอง อ่าวลึก คลองท่อม ปลายพระยา เกาะลันตา เขาพนม)
- ตรัง (อ.เมืองฯ ปะเหลียน นาโยง กันตัง ห้วยยอด หาดสำราญ รัษฎา วังวิเศษ)
- สตูล (อ.เมืองฯ ควนโดน ควนกาหลง ทุ่งหว้า มะนัง)
พื้นที่เฝ้าระวังคลื่นลมแรง
ภาคกลาง 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชลบุรี (อ.เมืองฯ ศรีราชา เกาะสีชัง บางละมุง สัตหีบ) ระยอง (อ.เมืองฯ บ้านฉาง แกลง) จันทบุรี (อ.นายายอาม ท่าใหม่ แหลมสิงห์ ขลุง) และตราด (อ.เมืองฯ แหลมงอบ คลองใหญ่ เกาะช้าง เกาะกูด)
ภาคใต้ 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดระนอง (อ.เมืองฯ สุขสำราญ กะเปอร์) พังงา (อ.เกาะยาว ตะกั่วทุ่ง ท้ายเหมือง ตะกั่วป่า คุระบุรี) และภูเก็ต (ทุกอำเภอ)
กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสานแจ้ง 66 จังหวัดในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะการติดตามปริมาณฝนที่ตกในแต่ละพื้นที่ พื้นที่เสี่ยงฝนตกหนัก และพื้นที่ที่มีปริมาณฝนสะสมสูง รวมถึงเตรียมความพร้อมของเครื่องจักรกลสาธารณภัย รถปฏิบัติการ และเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) ให้พร้อมเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันที
สำหรับ สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยเฉพาะถ้ำน้ำตก ถ้ำลอด หากมีฝนตกหนักและมีความเสี่ยงที่จะเกิดภัยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งการหน่วยงานที่รับผิดชอบประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ห้ามบุคคลใดเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าวตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับ พื้นที่ที่เฝ้าระวังคลื่นลมแรง ให้พิจารณาออกประกาศหรือติดตั้งสัญญาณแจ้งเตือนประชาชนบริเวณชายฝั่งทะเล และแจ้งนักท่องเที่ยวห้ามลงเล่นน้ำทะเลในช่วงที่มีคลื่นลมแรงโดยเด็ดขาด พร้อมกันนี้ ให้ประสานกรมเจ้าท่า กองทัพเรือ ตำรวจน้ำ เพื่อแจ้งเตือนการเดินเรือ โดยให้ชาวเรือ ผู้บังคับเรือ ผู้ประกอบการเดินเรือโดยสาร เดินเรือด้วยความระมัดระวังให้มากขึ้น และหากสถานการณ์ในพื้นที่มีแนวโน้มรุนแรงให้พิจารณาห้ามการเดินเรือออกจากฝั่งโดยเด็ดขาด
นอกจากนี้ ให้จังหวัดแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า และแจ้งกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ติดตามข้อมูลสภาวะอากาศ และข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด ตลอดจนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้น
ท้ายนี้ ประชาชนสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” และหากได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยดังกล่าว สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป