จับม้าเข้าคอก! ล่าตามหมายจับ 8 ราย ฉ้อโกงประชาชน เปิดบัญชีให้คอลเซ็นเตอร์
ตำรวจจับม้าเข้าคอก! ล่าตามหมายจับ 8 ราย ฉ้อโกงประชาชน เปิดบัญชีให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์
กรณีตำรวจจับ บัญชีม้าเข้าคอก ลุยล่าตามหมายจับ 8 ราย ฉ้อโกงประชาชน เปิดบัญชีให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์
สืบนครบาล ร่วม สืบจังหวัดตรัง ระดมจับกุมหมายจับ นำม้าเข้าคอก 8 ราย ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สยาม บุญสม รรท.ผบช.น. ให้ระดมจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับค้างเก่าทั่วประเทศในห้วง 25 พ.ย. ถึง 4 ธ.ค. 2567 นั้น
โดยเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2567 เจ้าหน้าที่ กก.วิเคราะห์ข่าว และเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ร่วมกับ กก.สส.ภ.จว.ตรัง
จับกุมตัวผู้ต้องหาบัญชีม้า 8 ราย และร่วมกันลักทรัพย์ 1 ราย
- นายธงชัย อายุ 43 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดตรัง ที่ 227/2567 ลงวันที่ 20 มิถุนายน 2567 ข้อหา“ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริต หรือหลอกลวง ร่วมกันนำข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน หรือบิดเบือนหรือยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอทรอนิกส์ โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรจะว่านำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดอาญาอื่นใด" นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองตรัง
- น.ส.รวิวรรณ อายุ 25 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดตรัง ที่ จ.465/2567 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 ข้อหา“ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และโดยทุจริต หรือหลอกลวง ร่วมกันนำข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือเปิดหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอทรอนิกส์ โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรจะว่านำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดอาญาอื่นใด” นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองตรัง
- น.ส.ฐิติพร อายุ 37 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดตรัง ที่ จ.318/2567 ลงวันที่ 13 สิงหาคม 2567 ข้อหา“ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริต หรือหลอกลวง นำข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ” นำส่งสภ.เมืองตรัง
- น.ส.อมราวรรณ อายุ 35 ปี ตามหมายจับศาลแขวงตรัง ที่ จ 48/2565 ลงวันที่ 8 กรกฎาคม 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์” นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.นาโยง จ.ตรัง
- นายภานุมาศ อายุ 22 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ จ.606/2567 ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2567 ข้อหา“ร่วมกันฉ้อโกง และโดยทุจริต หรือหลอกลวง นำข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยมิได้กระทำต่อประชาชนทั่วไป ”นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี
- น.ส.ปัญญาพร อายุ 28 ปี ตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.290/2567 ลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 ข้อหา“ร่วมกันฉ้อโกง และโดยทุจริต หรือหลอกลวง นำข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยมิได้กระทำต่อประชาชน เป็นการกระทำต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ” นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.คันนายาว
- นายชัยวุฒิ อายุ 39 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 4905/2567 ลงวันที่ 7 ตุลาคม 2567 ข้อหา“ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันโดยทุจริต หรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน"นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท
- น.ส.สมพร อายุ 25 ปี ตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง ที่ จ.571/2567 ลงวันที่ 22 สิงหาคม 2567 ข้อหา“ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน นำส่ง สน.บางนา ดำเนินคดี
- นายสุรเดช อายุ 34 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดตรัง ที่ 158/2567 ลงวันที่ 23 เมษายน 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถาน ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด เพื่อการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม ” นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.หาดสำราญ จ.ตรัง
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า บัญชีม้า คือ บัญชีที่ถูกเปิดเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง เช่น นำไปใช้ทำเรื่องผิดกฎหมาย หรือเอาไว้ใช้สำหรับถ่ายเท หรือใช้ในการฟอกเงิน
โดยบัญชีม้าคนที่ถือครองบัญชีมักจะไม่ใช้เจ้าของตัวจริง แต่จะเป็นของมิจฉาชีพนำไปใช้ ซึ่งส่วนใหญ่มิจฉาชีพจะใช้วิธีการจ้างวานคนทั่ว ๆ ไปให้ทำการเปิดบัญชีธนาคาร โดยให้เงินค่าจ้างแล้วแต่ตกลงกัน
และขอแจ้งเตือนประชาชน อย่าเห็นแก่เงินเพียงเล็กน้อย โดนโทษหนัก ทั้งปรับและจำคุก หากรับเปิด “บัญชีม้า-ซิมม้า” ตามพระราชกำหนด มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ระบุว่า เจ้าของบัญชีม้า หรือเบอร์ม้า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ