เร่งแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 "เขตหนองแขม" หลังพุ่งสูงอันดับ 1 ลุยเอาผิดลักลอบเผา
กทม. เร่งแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 "เขตหนองแขม" หลังค่าฝุ่นพุ่งสูงอันดับ 1 พร้อมใช้มาตรการเข้มงวดป้องกันลักลอบเผา
วันที่ 10 มกราคม 2568 นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงกรณีเหตุการเผาสายไฟ-ขยะพลาสติกในซอยโรงขยะ สาย 3 เขตหนองแขม ส่งผลให้ "ค่าฝุ่น PM2.5" ในพื้นที่เพิ่มสูงขึ้น ว่า สำนักงานเขตหนองแขม ได้มอบหมายฝ่ายเทศกิจ ฝ่ายสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาล ร่วมกับสถานีตำรวจนครบาลท้องที่ ตรวจสอบบริเวณที่มีการร้องเรียน พบร่องรอยการกระทำผิด
จากการสอบถามผู้อาศัยบริเวณใกล้เคียง ทราบว่าเป็นบุคคลภายนอกลักลอบเข้ามาเผาสายไฟ เมื่อเผาเสร็จจะรีบออกจากพื้นที่ทันที โดยเวลาที่มาลักลอบเผาจะไม่แน่นอน ในส่วนการเฝ้าระวังพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการลักลอบเผาในที่โล่ง ได้มีการจัดเจ้าหน้าที่เทศกิจตรวจสอบอย่างต่อเนื่องทุกวัน ทั้งช่วงเวลากลางวันและกลางคืน รวมทั้งประสานสถานีตำรวจนครบาลท้องที่ขอความร่วมมือตรวจสอบและดำเนินการตามอำนาจหน้าที่
สำหรับมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและแก้ไขปัญหาแหล่งกำเนิดฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่เขตหนองแขม ที่มีการเผาหญ้าและเผาขยะบ่อยครั้ง โดยเฉพาะช่วงหัวค่ำถึงเช้ามืด ส่งผลให้ค่าฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่เขตหนองแขมเพิ่มสูงขึ้นจนติดอันดับทุกวันนั้น สำนักงานเขตหนองแขม มีหนังสือถึงเจ้าของที่ ผู้ประกอบการ เชิญประชุมเพื่อชี้แจงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และกำชับไม่ให้มีการลักลอบเผาสายไฟและขยะพลาสติก รวมทั้งแจ้งให้เจ้าของที่ที่ปล่อยที่ดินว่างทำรั้วกั้นบริเวณที่ดินเพื่อป้องกันผู้บุกรุกเข้าไปลักลอบเผาขยะในที่ของตนเอง อีกทั้งเชิญเจ้าของที่ ผู้ประกอบการ ผู้นำชุมชนใกล้เคียง และสถานีตำรวจนครบาลท้องที่ประชุมเพื่อร่วมกันเฝ้าระวังและหาแนวทางแก้ไขครั้งที่ 2 ในวันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568
นอกจากนี้ สำนักงานเขตหนองแขม โดยฝ่ายสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาล ฝ่ายพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม ฝ่ายการศึกษา และฝ่ายเทศกิจ ร่วมกับศูนย์บริการสาธารณสุข 48 (นาควัชระอุทิศ) รณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไป ผู้ประกอบการ ชุมชน และโรงเรียน เกี่ยวกับผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 เพื่อสร้างความตระหนักและช่วยลดแหล่งกำเนิดฝุ่น PM2.5 ทุกกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งรวมถึงการเผาในที่โล่ง พร้อมแจกหน้ากากอนามัยให้แก่ประชาชนกลุ่มเปราะบางและกลุ่มเสี่ยงเพื่อใช้ป้องกันและลดผลกระทบต่อสุขภาพในช่วงที่ค่าฝุ่น PM2.5 มีค่าสูง ทั้งนี้ ได้แจ้งผู้นำชุมชนร่วมตรวจตราเฝ้าระวังป้องกันการลักลอบเผาหญ้า หรือเผาขยะในชุมชน หากพบการเผาให้แจ้งมาที่ สำนักงานเขตหนองแขม สถานีตำรวจนครบาลท้องที่ หรือแจ้งเบาะแสผ่านทาง Traffy Fondue
กทม. ลุยมาตรการรุกและรับ แก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 แนะประชาชนเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง-สวมหน้ากากอนามัย
พญ.วันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยเกี่ยวกับการดำเนินการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ว่า สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ช่วงนี้ ภาพรวมปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) อยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งค่ามาตรฐานไม่เกิน 37.5 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้มีการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับมือสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ตลอดจนดำเนินมาตรการเร่งด่วนของ กทม. ในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นละอองสะสมตัวเพิ่มขึ้นและคุณภาพอากาศอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
ทั้งนี้ สำนักอนามัย (สนอ.) ได้ดำเนินการตรวจประเมินเพื่อควบคุมแหล่งกำเนิดมลพิษในกรุงเทพมหานครอย่างต่อเนื่อง โดยบูรณาการความร่วมมือกับสำนักงานเขต สำนักสิ่งแวดล้อม สำนักการโยธา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการควบคุม ตรวจสอบสุขลักษณะและมาตรการควบคุมฝุ่นละอองในสถานประกอบกิจการ โรงงานที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองสูง สถานที่ก่อสร้าง ถมดิน ท่าทราย โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ดำเนินการตรวจประเมินกลุ่มเป้าหมายดังกล่าวไปแล้ว 1,534 แห่ง และในช่วงที่มีฝุ่นละอองสูง สำนักอนามัยได้มีการตรวจกำกับดูแลสถานประกอบกิจการคอนกรีตผสมเสร็จที่มีการร้องเรียนอยู่บ่อยครั้ง จำนวน 25 แห่ง เพื่อกวดขันให้ปฏิบัติตามมาตรการลดฝุ่นละออง โดยในรายที่พบข้อบกพร่องได้มีการแนะนำให้ปรับปรุงแก้ไข มีการตรวจติดตามและกวดขันให้ปฏิบัติตามมาตรการในช่วงที่มีฝุ่นละอองสูงอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ สำนักอนามัย โดยศูนย์บริการสาธารณสุข 69 แห่ง ดำเนินมาตรการทั้งเชิงรับและเชิงรุก โดยศูนย์บริการสาธารณสุขจะจัดทีมออกหน่วยฯ ในพื้นที่ที่รับผิดชอบหรือพื้นที่ศูนย์สุขภาพชุมชน กรณีฝุ่นละออง PM2.5 มีค่าระหว่าง 37.6 - 75.0 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ติดต่อกัน 3 วัน ให้ออกหน่วยบริการสาธารณสุขเคลื่อนที่ และจัดทีมปฏิบัติการลงพื้นที่ชุมชนและเยี่ยมติดตามผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ โรคผิวหนัง โรคเยื่อบุตาอักเสบ โรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงให้การรักษา ให้คำแนะนำประชาสัมพันธ์ เรื่องการป้องกันดูแลตนเองในช่วงที่มีฝุ่น PM 2.5 สูงกว่าปกติแก่ประชาชนผู้มารับบริการที่ศูนย์บริการสาธารณสุข พร้อมทั้งมีการแจกจ่ายหน้ากากอนามัยให้ประชาชนกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ กลุ่มที่มีโรคระบบทางเดินหายใจและโรคหัวใจ และประชาชนกลุ่มเสี่ยงต่างๆ เช่น ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง ผู้ค้าริมถนน และประชาชนทั่วไปที่ใช้ชีวิตนอกอาคาร เพื่อเป็นการป้องกันและดูแลสุขภาพจากปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 โดยได้แจกหน้ากากอนามัยไปแล้ว 69,665 ชิ้น พร้อมทั้งแจกให้กับผู้ป่วยที่ใช้บริการศูนย์บริการสาธารณสุข 69 แห่ง และผู้ป่วยตอนเยี่ยมบ้านและการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ด้วย
ส่วนการเตรียมแผนปฏิบัติการป้องกันรองรับสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ตามมาตรการ ประกอบด้วย การเปิดศูนย์ปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขกรณีฝุ่น PM2.5 เกิน 75 มคก./ลบ.ม. การเปิดคลินิกมลพิษทางอากาศในโรงพยาบาลสังกัด กทม. เพื่อให้คำปรึกษาแก่ประชาชนและให้บริการตรวจรักษาลดความรุนแรงของอาการที่เกิดจากฝุ่น PM2.5
นอกจากนี้ได้เน้นย้ำประชาชนเรื่องการป้องกันดูแลสุขภาพในช่วงฝุ่นหนาแน่น สำหรับกลุ่มเปราะบางที่มีความเสี่ยงสูง รวมถึงผู้ที่ทำงานกลางแจ้งเป็นเวลานานควรเลี่ยงพื้นที่ฝุ่นสูง หรือลดระยะเวลาออกนอกอาคารให้น้อยที่สุด หากจำเป็นต้องออกนอกอาคารให้สวมหน้ากากป้องกันฝุ่น และงดการทำกิจกรรม หรือออกกำลังกายกลางแจ้ง รวมทั้งปิดประตูหน้าต่างให้สนิท หรืออยู่ในห้องปลอดฝุ่นและสังเกตอาการตนเอง หากมีอาการไอ แน่นหน้าอก วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ผื่นแดง หรือมีอาการผิดปกติทางร่างกายอื่นๆ ควรรีบพบแพทย์ทันที หรือพบแพทย์ผ่านทาง Telemedicine แอปพลิเคชัน "หมอ กทม." เพื่อตรวจวินิจฉัยอาการได้อย่างรวดเร็ว สามารถปรึกษาเรื่องสุขภาพ โทร HOTLINE 1646 สายด่วนสุขภาพ สนพ. ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง